diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

07.10.2002 - 2:06 p.m.

เป็นคนไทยอย่างเราๆ สิ่งที่น่าเบื่อมากก็คือการขอวีซ่า ทุกคนคงเห็นด้วย ยิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งเซ็งไปกันใหญ่

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ไ้ด้ยื่นเรื่องโดยส่งเป็นจดหมายไปขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา เรื่องหลักฐานก็ดูจากเวบเอาแหละ เห็นเค้าเขียนว่าจะส่งพาสปอร์ตและวีซ่ากลับคืนมาให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็รอแล้วรอเล่าอาทิตย์ผ่านไปก็ไม่เห็นได้ซะที ฉันก็กลัวมากเรียกว่าปอดแหกก็ได้ เพราะว่าฉันเคยมีประสบการณ์ขอวีซ่าไม่ผ่านมาก่อนน่ะ

ตอนนั้นจะขอวีซ่าไปเที่ยวฝรั่งเศส คือว่าก่อนหน้านั้นฉันขอวีซ่าที่ไหนก็ผ่านน่ะ แล้วฝรั่งเศสก็เคยขอได้ง่ายมาก ฉันอุตส่าห์ซื้อตั๋วรถไฟยูโรสตาร์ไว้ก่อนล่วงหน้าเลย คิดว่าตูเก๋าว่ะ แล้วฉันก็ไปเข้าแถวขอวีซ่าที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสที่ลอนดอนแต่เช้า พอบ่ายได้เข้าไปยื่นเรื่องขอวีซ่า ก็เขียนที่อยู่เพื่อนชาวฝรั่งเศสให้เจ้าหน้าที่มันดู มันบอกว่ามีแค่นี้ไม่ได้ ต้องให้เพื่อนไปที่ว่าการจังหวัดไปขอใบรับรอง ไปยาลใหญ่ มาให้ก่อน ฉันก็บอกว่าทีคราวที่แล้วไม่เห็นต้องมีเลย มันบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนแล้ว ด้วยความหยิ่งและโง่อย่างเด็กๆ ทำให้ฉันขี้เกียจอ้อนมัน ไม่ให้ไปกุไม่ไปก็ได้วะ คิดแล้วก็เดินออกมาเลย แต่หลังจากนั้นดิ เสียดายเวลาเหนื่อยที่ต้องไปยืนรอ แล้วยังเสียดายค่าตั๋วยูโรที่รีฟันด์ไม่ได้ แล้วไหนยังจะทะเลาะกับมาสะอีก

หลังจากนั้นมาฉันก็มีความวิตกจริตมาตลอดเวลาต้องขอวีซ่าไปไหนต่อไหน เตรียมเอกสารมันอยู่นั่นแล้ว แต่งตัวเหมือนกับจะไปสอนหนังสือทุกครั้งตอนไปขอวีซ่า จะได้ไม่พลาดอีกนะ แต่ว่า ขอวีซ่าอเมริกาเนี่ย(เค้าเล่าลือกันว่า)มันน่ากลัวมาก ที่ฟังมาก็มีดังนี้

1. เพื่อนคนที่หนึ่ง เคยขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาที่โอซาก้า ส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ ก็ได้วีซ่า 1 ปี หลังจากนั้น ขอต่ออีกทีก็ได้ 10 ปี แต่ว่ามันมีแฟนทำงานอยู่ที่อเมริกา

2. เพื่อนคนที่สอง ขอวีซ่าไปทางไปรษณีย์ แต่ว่าเอกสารไม่ครบมั๊ง เลยโดนเรียกไปสัมภาษณ์ที่โอซาก้า แล้วก็ได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี

3. รายนี้เจอโหด คือไปยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง เพื่อที่จะไปพรีเซนต์ที่คอนเฟอเรนซ์ แต่ว่าสัมภาษณ์ไม่ผ่าน น่าสงสารมากเลย แต่ว่าใช้ลูกตื๊อ ไปนั่งเฝ้ารอสัมภาษณ์รอบสองในวันถัดมาถึงผ่าน ได้วีซ่ามา

4. เพื่อนที่อยู่เมืองไทย พึ่งไปดูงานที่อเมริกามาก็ได้วีซ่า 3 เดือน ต้องไปสัมภาษณ์ด้วย เห็นบอกว่าหลังเหตุเวิร์ลเทรดแล้ว เข้มงวดมาก

สิ่งที่ฉันกลัวมาก คือว่า ต้องไปโอซาก้าเพื่อสัมภาษณ์ เพราะว่าไม่มีเวลาไปเลย ยุ่งมาก จากที่นี่ไกลเหมือนกท เชียงใหม่ได้ หนำซ้ำยังต้องเสียเงินค่ารถบัส สองหมื่นเยน(เจ็ดพันบาทได้) นั่งหลังขดหลังแข็งไปคืนนึง แล้วก็กลัวสัมภาษณ์ไม่ผ่านด้วยน่ะ เพราะว่าเห็นเค้าว่าช่วงนี้สถานทูตโหดมาก

สองอาทิตย์ก่อน ก็เลยลุ้นระทึกมาก ไม่อยากไปสัมภาษณ์ แต่อยากได้วีซ่าสิบปีน่ะ ที่จริง หลักฐานที่ฉันเตรียมไปนี่พร้อมสุดๆมาก มีหลักฐานการเงิน สถานะภาพนักศึกษาที่นี่ อะไรต่ออะไร ที่สำคัญทีเด็ดมัดใจกรรมการคือ นอกจากเขียนรายการที่ฉันกะว่าจะไปเที่ยว ฉันยังมีใบปลิวทัวร์อะโลฮ่า ฮาวาย สีสันสุดๆ แนบไปกับหลักฐานด้วย กะว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตเห็นคงจะประทับใจสุดเดช ว่ายายนี่มันอยากไปเที่ยวมาก และมันก็กลับญี่ปุ่นแน่

พอวันศุกร์กลับบ้านตอนเกือบสองทุ่ม ก็มีใบจากไปรษณีย์ให้ไปรับของได้(ที่นี่เปิดให้รับของลงทะเบียนได้ 24 ชั่งโมง) ฉันก็รีบลนลานไปเอา เค้าบอกว่าไปรษณีย์ยังกลับมาไมุ่ถึง แป่ว เลยต้องมีลุ้นให้ไปเอาอีกรอบนึง ตอนเปิดออกดูนะ ตื่นเต้นสุดๆ แต่คิดว่าได้วีซ่าเพราะว่าซองมันเบาๆ ไม่มีกระดาษอื่นอีกนอกจากพาสปอร์ต พอเปิดดูรีบดูหน้าสุดท้าย ก็ดีใจมากว่ามีวีซ่าด้วยเว๊ย มาสะดูปีให้ บอกว่าเธอได้สิบปีแน่ะ โหย ดีใจบอกไม่ถูกเลย ขอไปเที่ยวฮาวายแค่ 4 วัน ได้วีซ่าตั้ง 10 ปี มาสะบอกว่า ดีเนอะ อย่างนี้เธอก็ไปเที่ยวอเมริกาได้สบาย จนถึงอายุ 40 เลย (ปากเหรอนั่น ตอนนั้นฉันยังไม่สี่สิบย่ะ)

กลับมานั่งชื่นชมวีซ่าตัวเองใหญ่เลย แต่เซ็งมากที่พาสปอร์ตของตัวเองเป็นพาสปอร์ตข้าราชการไทย ที่ทำได้เหมือนของปลอมมาก ขนาดลายเซ็นก็ไม่ได้สแกนใส่นะ เป็นตัดกระดาษแล้วแปะไปแบบชุ่ยๆน่ะ เรียกว่าตอนฉันไปเกาหลีเกือบไม่ได้เข้าประเทศละกัน เจ้าหน้าที่ที่ด่านส่องพาสปอร์ตฉันส่องแล้วส่องอีก นี่ได้วีซ่าอเมริกามา เค้าจะนึกว่าฉันทำปลอมอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ วีซ่าอเมริกา มันก็ดูเหมือนของปลอมเหมือนกันว่ะ เซ็งจริงๆ

previous - next