diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

11.10.2004 - 2:57 p.m.

อาทิตย์ก่อนคุมสอบ

อาทิตย์ก่อน ตอนคุมสอบ มีฉันไปก่อนคนแรก(ตรงเวลา) ก็อุ้มข้อสอบไปเองคนเดียวหนักจนอยากปาทิ้ง พอไปถึงห้องสักพักแจกข้อสอบไปได้ครึ่งนึง ก็มีครูอีกสองคนมาช่วยแจกข้อสอบ พอเริ่มสอบ อยู่ดีๆ มีป้ามาจากไหนไม่รู้ ทำท่าทางหยิ่งยะโส ถือกระเป๋าแชแนลปลอม เดินมานั่งคุมสอบ แล้วไม่ทำอะไรเลย ให้ฉันเอารายชื่อไปให้เด็กเซ็น ฉันเลยรู้ว่า อ๋อ ที่แท้มีคนคุมสอบ 4 คน

ฉันถามครูแก่ที่ภาคฉันว่าป้านี่ใคร ครูผู้ชายตอบว่า สอนอยู่ภาคที่ได้ชื่อว่ามีพวกไฮโซไฮซ้ออยู่เยอะ

ป้าเข้ามานั่งคุมได้ 5 นาที แล้วเดินออกไป อีก 1 ชม พอ ป้าเข้ามาใหม่ ป้าปล่อยให้มือถือดังในห้องสอบ ขณะที่เด็กสอบอยู่ แล้วป้าคุยในห้องเสียงดังด้วยระหว่างเดินออกไป แล้วป้าก็ออกไปอีก 1 ชม

สรุปว่า ป้า ไม่ทำอะไรเลย ไม่คุมสอบ ฉันอารมณ์ขึ้นมาก ไปห้องน้ำเจอพี่ธุรการเลยคุยให้เค้าฟัง พี่เค้าบอกว่าเห็นป้านี่ขี่เบนซ์ชอบทำอย่างนี้แหละ อย่าไปถือเลย แก่จะเกษียณวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว แต่ฉันยิ่งฉุน เพราะว่ามันก็ครูเหมือนกันนี่หว่า มาคุมสอบก็ได้เงิน ฉันไม่ใช่คนรับใช้มัน ทำไมต้องทำให้มันวะ

ป้ากลับเข้ามาเมื่อใกล้หมดเวลาสอบแล้ว ฉันก็กะว่า ให้โอกาศป้าหน่อย เผื่อมันจะช่วยเก็บและรวมข้อสอบในตอนจบ แต่ว่าป้าก็ไม่ได้ทำอะไร ฉันก็ไม่วีนอีก เพราะว่า ครูแก่ภาคฉันช่วยป้าทำ ฉันก็เลยคิดว่า อยากช่วยก็ทำให้กันละกัน กูจะนั่งเฉยๆเหมือนกัน (แต่ก็อดไม่ได้ ช่วยเค้าอีก)

พอตอนจบ ฉันก็เดินท่าเชิดเต็มที่ออกจากห้องไปกะว่าไม่เฉ่งอีป้าแล้วล่ะ แต่ปรากฎว่าครูแก่ดันเรียกฉัน บอกว่า เอาข้อสอบไปสิ ของภาคเธอนี่นา (จะให้กูถือข้อสอบหนักๆไปส่งอีกเหรอวะ) ฉันเลยของขึ้น ตะโกนเรียกอีป้าซึ่งกำลังจะเดินหนีไปจากห้องสอบแล้ว อีป้าหยุดรอฟัง ฉันก็เลยโยนข้อสอบโครมไปให้มัน แล้วบอกว่า ช่วยเอาไปเก็บด้วยนะคะ อีป้าถาม ว่าวิชาอะไร ฉันบอกว่า ไม่ทราบ แล้วสะบัดหน้าหนี ครูลุงแก่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดันแสรนมาตอบแทนอีก ว่าของภาคเค้าไงให้เค้าเอาไปดิ ฉันเลยสะบัดหน้าเดินท่านางแบบออกจากห้องไป แล้วไม่มองหน้าแม่งทั้งคู่เลย

เข้าวัดครั้งแรก

วันอาทิตย์ที่แล้วฉันไปส่ง ม ไปญี่ปุ่น 1 อาทิตย์ตอนเช้าตรู่ ฉันกะไว้แล้วว่าจะชวนพ่อแม่ไปวัดสนามในต่อเลย ก็พากันลองไปดู

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันเข้าวัด คือเคยเข้าบ้าง มันเป็นประเภทงานอะไรต่างๆที่ต้องไปมากกว่า ทำไมวัดสนามใน ก็เพราะว่าฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของหลวงพ่อเทียน อ่านแล้วชอบมากๆ ฉันคิดว่าวิธีการทำสมาธิแบบของท่านดูเป็นวิทยาศาสตร์มาก ดูน่าศึกษาทดลอง ฉันลองทำเองแล้ว ก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะว่าทำไม่ต่อเนื่อง วันไหนอยากทำก็ลอง ทีนี้ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เค้าบอกว่าไปวัดที่เป็นสายหลวงพ่อซัก 1 อาทิตย์ ก็เห็นผลทันใจ ฉันตั้งใจมาก ฉันอยากหมดทุกข์ในชาตินี้อย่างที่หลวงพ่อเทียนบอกว่าใครๆก็ทำได้

เนื่องจากมีเป้าหมายว่าจะไปอยู่วัด ฉันเลยพาพ่อแม่ไปถามดูก่อนว่าจะต้องทำไงบ้าง แต่ว่าวัดนี้ดีมาก คืออยากไปเมื่อไหร่ก็ได้เลย พ่อฉันนั้นก็โดนฉันกล่อม โดยเอาหนังสือธรรมะของหลวงพ่อไปให้อ่านแล้ว แต่ว่าพ่อก็อ่านอย่างเดียว ไม่ยอมทำสมาธิวิธีท่าน

ที่วัดบอกว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็ได้เลย วันอาทิตย์ฉันเลยกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้า กะว่าจะมาค้างที่วัดซัก 4-5วัน แล้วก็มาวัดเลย ก่อนที่พ่อจะส่งฉันที่วัดแล้วกลับไป พ่อย้ำกับฉันหลายครั้งว่าไม่กลัวเหรอลูกที่นี่ป่าช้าเก่านะ โถ่พ่อ ตอนแรกก็ไม่กลัวเลย ก็วัดท่านสวยมาก เหมือนรีสอร์ท เหมือนบังกะโล แต่พอพ่อพูดยังงั้นก็เลยแหยงหน่อยๆ

วันแรก ก็นั่งทำสมาธิทำมือสร้างจังหวะกับเดินจงกรม ก็แบบว่ามีไฟมาก ทำใหญ่เลย พอตกกลางคืน 2-3 ทุ่มก็รีบนอนแล้ว ฉันก็ไม่กลัวมาก แต่ว่าเปิดมือถือทิ้งเอาไว้ (เค้าว่าผีมันกลัวสัญญานมือถือไง เคยได้ยินมา) ก็นอนหลับสบายคืนแรก

วันที่สอง ก็ตื่นแต่เช้ามากคือตีสาม แล้วแบบกลัวว่าถือศีลแปดจะไม่ได้กินข้าวเย็น เลยกินข้าวกลางวันเยอะมาก เลยง่วงสุดๆ ขนาดเดินจงกรมยังจะหลับเลยอ่ะ แต่หลวงพ่อเทศน์ว่าห้ามนอน เลยไปกินน้ำหวานขอน้ำตาลในเลือด ก็หายง่วงไปได้ แล้วก็รีบนอนซัก 2 ทุ่มนิดๆ วันนี้ไม่ได้เปิดมือถือไว้ไล่ผีแล้ว เริ่มหายกลัว สงสัยธรรมะของหลวงพ่อเริ่มซึม
แต่เพราะไปกวาดใบไม้ โดนมดแดงกัดที่ต้นขาด้านในซักร้อยตุ่มได้ คันสุดๆ นอนคันไปหมดเลย อยากกลับไปกินยาแก้แพ้ที่บ้าน แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งท้าทาย ฉันคิดว่าฉันยิ่งต้องเอาชนะ

วันที่สาม ไม่ง่วงเท่าไหร่ ก็มีนิดหน่อย ก็เริ่มมีสติอยู่กับการเคลื่อนไหวได้บ้าง เรียกว่านิวรณ์ตัว ถีนมิทะหลุดไปได้แล้ว

วันที่สี่ ฉันต้องกลับแล้ว ฉันยังไม่อยากกลับเลย อยู่วัดมีความสุขมากๆ มันสงบมันนิ่งแบบว่าไม่มีทุกข์เรื่องโลกภายนอกเลยอ่ะ วันนี้ฉันไม่ง่วงเลยตอนทำสมาธิ มีสมาธิดีขึ้น แต่ว่ายังไม่ได้เข้าไปใกล้อารมณ์รูปนามเลยซักกะนิด ก็กะว่าจะพยายามต่อไป วันนี้นอนที่บ้าน ส่วนพ่อฉันไปรับฉันที่วัด พ่อเห็นลูกมาอยู่วัดได้หลายวัน เลยอยากลองทำสมาธิดูบ้าง พระที่วัดท่านก็เทศน์ให้พ่อฟัง พ่อเลยดูรู้จักการทำสมาธิขึ้นมาบ้าง

วันที่ห้า ก็พยายามทำสมาธิโดยตื่นมาตี 5 แล้วก็ต้องไปทำงาน พอตกเย็นกะว่าจะรีบกลับบ้านไปทำสมาธิ แต่ว่าสมาธิแตก โดนชวนไปคาราโอเกะ เลยไปร้องเพลงกลับห้าทุ่มแน่ะ

วันที่ หก ต้องไปสอนหนังสือทั้งวันไม่ได้ทำสมาธิเลย แต่แปลกมากคือ ตอนตื่นมา พอหาวนอนปุ๊ม สติมาอยู่ที่ปากเลยทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ อเมซซิ่งมาก

วันเสาร์ แม่ให้พ่อพาไปวัดอยากไปลองทำสมาธิดูบ้าง ฉันก็เลยขอตามไปด้วย ไปทำสมาธิที่วัด ถีนมิทะกลับมาใหม่ เพราะว่าฉันนอนน้อยมากมา หลายวันติดกัน (แล้วดันไปเกะมาด้วย) เลยเป็นหวัด เจ็บคอมาก แล้วก็มีนิวรณ์ตัวที่เบื่อ เข้ามามากเลย แต่ว่าฉันคิดว่าฉันสงบไปเยอะมากเลย ถึงขนาดคิดว่านี่ถ้าฉันเกิดได้ธรรมชั้นสูงขึ้นมาแล้วเบื่อหน่ายต่อทางโลก ฉันคงทิ้ง ม ไปอยู่วัดแน่เลยว่ะ

วันอาทิตย์เมื่อวานนี้ ม กลับมาแล้ว ฉันแบบไปอยู่วัด พูดตรงๆคือไม่ได้คิดถึง ม เลย (แต่ว่าบอกพี่แกไม่ได้นะ) แต่ว่าพี่แกซื้อของฝากมาให้ฉันเต็มกระเป๋าใบใหญ่ของแกเลยอ่ะ(ของที่ฉันสั่งไป) ของแกนะแกซื้อมาแต่หนังสือ อย่างฉันฝากซื้อที่ล้างหน้า ชู อุเอมูระ ที่ขวดละสองพันกว่าอ่ะ พี่แกใจป้ำซื้อขวดใหญ่มาให้สองขวดเลย หนำซ้ำฉันบอกว่าอยากกินเค็กญี่ปุ่นและซูชิ แกอุตส่าห์อุ้มเค็กกลับมาให้ด้วยกล่องนึง ซูชิด้วย (ตอนฉันไปอเมริกาคนเดียว ซื้อมาแต่ของตัวเอง ของที่ซื้อมาฝากแกคือ แก้วกาแฟ thermos อันเดียวอ่ะ)

สิ่งที่น่าแปลก มหัศจรรย์มาก คือ ฉันมีสติอยู่กับตัวภายในวันอาทิตย์ซัก 50% ได้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำได้ขนาดนั้น แต่ฉันตั้งใจมากไง เวลาคุยกับ ม ไปถ้าไม่ลืมฉันก็ทำมือไปด้วย แต่ว่าฉันไม่ค่อยสบาย เลยไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงซักเท่าไหร่

previous - next