diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

18.06.2002 - 7:00 p.m.

กลับมาจากเที่ยวเกาหลีแล้ว กลับมาพร้อมกับความเหนื่อยอย่างสุดๆ เหนื่อยขนาดที่เสียงหายไปหมดเลย ตอนนี้พูดที เสียงจะค่อยๆเบาๆ ราวกับพวกนักร้องเสียงแหบ

ฉันเดินทางไปเกาหลีในพฤหัสที่ 13 ก่อนไปไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเลย กระเป๋าก็จัดกันคืนก่อนไป อาจเป็นเพราะว่าเกาหลีอยู่ใกล้มาก เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าจะเดินทางไปเมืองนอกเท่าไหร่ พอวันพฤหัสก็ออกเดินทางแต่เช้า ทุกคนไม่ค่อยได้เอาอะไรไปเท่าไหร่ ฉันดิ จะไปเที่ยว 5 วัน เอาเสื้อไปแค่ 2 ตัว (กะว่าจะไปซื้อของใหม่ที่เกาหลีเต็มที่) กระเป๋าเลยเบามาก แต่ว่ามีของตุงอยู่เล็กน้อย(ของที่กุ้งฝากซื้อ) ทุกก็คนเอากระเป๋าใบเล็กกันไป เพราะว่าจะได้ไม่ต้องโหลดของเสียเวลา เอากระเป๋าขนาดแฮนด์แบกไปกันหมดเนื่องจากเราจะ ต้องรีบไปดูฟุตบอลกันในวันนั้นเลย ตอนแรก M จะเอาแค่เป้ไป แต่ฉันดูกระเป๋าฉันแล้วกะว่าใส่ของที่ตัวเองจะซื้อไม่พอแน่ เลยบังคับให้ M เอาใบใหญ่ขนาดกระเป๋านักกีฬาไปแทน (ฉันจะได้ฝากของ) :P

ไปถึงสนามบิน ก็จะต้องมีการเช็คอิน ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันต้องใช้บัตรประจำตัวชาวต่างชาติด้วย นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวานนี้เคลียของออกจากกระเป๋าตังค์ไปตั้งเยอะ รู้สึกว่าจะเอาบัตร ออกไปด้วยฉันก็เริ่มตื่นเต้น โอย กลับไปก็ไม่ทันแล้วนี่ แล้วจะได้ออกนอกประเทศไหมหว่า แล้วถ้าออกไปได้แล้ว จะกลับเข้าญี่ปุ่นอีกได้ไหม เริ่มหวั่นใจ พอเข้าแถวไปถึง แอนและน้องหมี ก็โดนตรวจบัตร น้องหมีโดนตักเตือนที่บัตรชาวต่างชาติหมดอายุแล้วไม่ไปต่อ พอถึงตาฉันที่ตามหลัง พอยื่นพาสปอร์ตส่งไปให้ เค้าก็ขอดูการ์ดทันที ฉันก็บอกเสียงอ่อยๆ พร้อมกับทำหน้าให้หน้าสงสารสุดขีด บอกว่าลืมเอามาค่ะ เจ้าหน้าที่ก็แค่บอกว่า ไม่เป็นไร โล่งใจสุดขีด แล้วพวกเราก็บินไปเกาหลี ใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงจุดหมายคือ สุวอน(Suwon) เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ โซล แต่ว่าไปลงที่ อินจอน(Inchon)

พอไปถึงเกาหลี ก็มีเรื่องให้ฉันตื่นเต้นอีก คือที่กองตรวจคนเข้าเมืองของที่นั่น ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนไทย(โดยเำฉพาะหญิงไทย)น่ะ จะไปเข้าประเทศไหนทีแสนลำบาก ยิ่งเกาหลี เคยดูข่าวว่า สาวไทยทำงานออฟฟิซด้วยนะ ไปเที่ยวกับครอบครัว พอไปถึงเค้าไม่ยอมแสตมป์วีซ่าให้ เลยต้องกลับไทย แย่เลย เสียทั้งเงินทั้งเวลา เรื่องตื่นเต้นของฉันก็คือว่าพาสปอร์ตฉันน่ะ เป็นของข้าราชการไทย แล้วมันก็ดูห่วยมาก เหมือนของทำเองมากับมือ (อันนี้ขอบ่นหน่อย ) มันเป็นรูปเอามาแปะๆ อย่างลวกๆมาก แล้วลายเซ็นก็เป็นกระดาษตัดแปะ ขนาดว่าฉันมาจากญี่ปุ่น ยังโดนตรวจอยู่นานมาก ส่องแล้วส่องอีก (ก็ไม่ได้นานนักหรอก แต่นานกว่า หมีและแอนและ M) แต่ว่าก็ได้เข้าเกาหลีแหละ ในที่สุด แล้วเราก็เอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วก็เปลี่ยนเสื้อ ฉันกับแอนใส่เสื้อทีมบราซิล ส่วนน้องหมีกับ M ใส่เสื้อเหลือง (พวกที่ลงทุนน้อยกว่า)

ที่พักที่เกาหลีตอนนี้ อย่างโซล หรือเมืองที่มีแข่ง ที่พักจะราคาสูงกว่าปกติ และเต็มเกือบหมด ที่พักที่พวกเราไปพักก็คือโรงแรมจิ้งหรีดนั่นเอง แต่ว่าคนที่ไปดูบอลก็จำใจต้องพักกันทั้งนั้น อย่างห้องข้างๆฉันกับแอน ก็เป็นพวกโค้ชของทีมฟุตบอลในสิงคโปร์ เค้าอุตส่าห์ใส่เสื้อทีมชาติไทยมาด้วย (อิ ฮิ ขนาดพวกฉันยังไม่เคยเห็นหรือคิดจะซื้อเลย) น้องหมีบอกว่านักเตะไทยดังมากที่สิงคโปร์

และแล้วพวกเราก็ออกเดินทางไปสนามสุวอนเพื่อดูบอล แมตช์ บราซิล vs คอสตาริก้า เนื่องจากโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสนามนัก เราก็พยายามที่จะเรียกแท็กซี่ แต่ว่าไม่มีคันไหนว่างเลย รออยู่นาน ก็พอดีมีรถเมล์ผ่านมา เขียนหน้ารถว่าไปสนามเวิล์ดคัพ พวกเราสี่คนก็กรูกันขึ้นไปทันที รถเมล์ที่เกาหลี ต้องขึ้นด้านหน้า ตรงประตูคนขับ พอขึ้นไปถึง เราก็พยายามถามคนขับว่าไปเสตเดี่ยมใช่ไหม แล้วก็ยืนขวางกันอยู่หน้าประตู คนขับก็บอกว่าใช่ แล้วไล่ให้ไปนั่ง พวกเราก็นั่งไปคุยไปดูวิวว่าจะถึงสนามไหม พร้อมกับปรึุกษากันว่าจะจ่ายเงินยังไงดี เค้าเขียนเป็นภาษาเกาหลี พวกเราก็เดาๆว่าสงสัยคนละ 600 วอน พอถึงป้ายสถานี คนขับแกก็รีบตะโกนเรียกพวกเราให้ลง คือว่าแกท่าทางจะไม่เอาเงินจากพวกเราเลย แต่ว่า ก็ยัดเงินใส่มือแกไป 2000 วอน จะให้เหรียญด้วย แต่ว่าแกรีบบอกให้ลงไปเลย นี่เป็นความใจดีของคนเกาหลีเรื่องแรกที่ฉันเจอ และก็ยังมีอีกมาก ขอบอกว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่น่ารักมากจริงๆ

ต่อไปพวกเราก็เดินไปสเตเดี่ยม เดินไปก็เจอกองเชียร์สีสันบราซิลมากมาย หนำซ้ำยังเจอดาราไทยที่คาดไม่ถึงว่าจะเจออีกด้วย เรื่องและรูปจะมาต่อวันพรุ่งนี้จ้ะ

previous - next