diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

20.08.2003 - 2:58 p.m.

หายไปนานเลยคราวนี้

พอสอบเสร็จ ฉันก็เกิดอาการขี้เกียจ และไม่เห็นความจำเป็นของการมาโรงเรียนอีกต่อไป นั่นทำให้ฉันไม่ได้เล่นเน็ต ไม่ได้อ่านเขียนอะไรที่เป็นภาษาไทยเลย เพราะไอ้แก่ที่บ้านมันแก่มาก อ่านเขียนภาษาไทยไม่ออก อยากจะเปลี่ยนใหม่ก็ใช่ที่ เลยอดเขียนไดอารี่

อาทิตย์ที่ผ่านมา

ที่ผ่านมาหลานของมาสะมาเยี่ยม หลานสองคนนี้น่ารักมาก อยู่ปอ 4 กับ ปอ 1 คนที่อยู่ปอหนึ่งหน้าตาเหมือนปิเลยฉันว่า ส่วนคนอยู่ปอ 4 เค้ามีนิสัยน่ารักมาก ช่างพูด ช่างคุย(แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยเจอมาก่อนเธอก็พูดจ้อได้) เป็นคนอ่อนไหวด้วยนะ ฉันและมาสะต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงตลอดที่เค้ามาที่นี่ 2 อาทิตย์ เด็กๆเนี่ยตอนแรกก็น่ารักดีนะ เลี้ยงไปเลี้ยงมา มันจะมีบางเวลาที่เด็กดื้อไง ทำให้เราตัดสินใจไม่ได้เลยว่าควรจะทำยังไง อย่างเช่น ริโกะบอกว่าอยากให้ซื้อผ้าให้ จะตัดเย็บเสื้อผ้าเอง ริโกะทำได้ โตขึ้นริโกะจะเป็นดีไซเนอร์ อะไรอย่างนี้ คือเราผู้ใหญ่ก็รู้นะว่า ถึงไงเด็กก็ทำไม่ได้ ซื้อผ้าให้ก็เสียเงินเปล่า แต่ว่ามาสะก็บอกว่าไม่ซื้อให้ก็เป็นการทำลายความฝันของเด็ก พอซื้อให้แล้ว จะให้เค้าตัดผ้ามั่วๆ ก็ไม่ได้อีก ฉันต้องมานั่งสอนเด็กตัดเย็บกระโปรง พร้อมทั้งทำตลก บังคับให้เด็กเย็บ แต่ไปมาฉันก็ต้องทำซะเป็นส่วนใหญ่ เฮ้อ

ตอนที่เด็กสองคนกลับ ฉันกับมาสะขึ้นเครื่องบินไปส่ง (ขามาเค้าขึ้นเครื่องมากันสองคน) ที่ญี่ปุ่นเค้าจะมีบริการ จูเนียร์ไพล็อต คือพ่อแม่ไม่ต้องมาด้วย ทางสายการบินจะดูแลให้ มีคนใช้บริการเยอะมากๆเลย เพราะว่าช่วงนี้ปิดเทอมหน้าร้อน พ่อแม่ส่งเด็กๆมาเยี่ยมปู่ย่าตายายที่ต่างจังหวัดกัน

บ้านพี่สาวมาสะเพิ่งปลูกใหม่ บ้านจัดสรร2ชั้นธรรมดา บ้านหรือว่าแมนชั่นธรรมดาที่ญี่ปุ่น ราคาก็ประมาณ 10 กว่าล้านบาท ถ้าจำไม่ผิด ถ้าใครผ่อน ก็ผ่อนกันจนเกษียณแหละ

เราไปพักบ้านพี่สาวมาสะกัน 1 อาทิตย์ พี่สาวมาสะน่ารัก ใจดีด้วย (พี่สาวที่เกิดวันเดียวกับฉันน่ะ แต่แก่กว่า 3 ปี) พาพวกเราไปพักเรียวคังที่มีออนเซ็นด้วย อยู่บ้านพี่สาวมาสะมีเรื่องลำบากอยู่อย่างนึง คือทั้งพี่และสามีดื่มเบียร์เยอะมากทุกวันเลย แน่นอนว่าฉันและมาสะก็โดนบังคับ(รึเปล่าหว่า) ให้ดื่มด้วย ทุกวัน สรุปว่าที่จะลดน้ำหนักให้เท่ากับก่อนไปยุโรป ยังทำไม่ได้ กลับอ้วนขึ้นด้วยเบียร์และเหล้า เฮ้อ

ขากลับ ริโกะและอายะมาส่งที่ในเมืองนาโกย่า ริโกะติดมาสะมาก เพราะเคยเลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็ก ริโกะจูงมือมาสะเดินตลอดแล้วคอยถามเวลา (เด็กช่างพูดอย่างริโกะเริ่มเศร้าตั้งแต่ วันก่อนกลับ) ว่า "เหลืออีกกี่นาทีนะที่เราต้องจากกัน" (มาสะเล่าว่าริโกะแอบกระซิบมาสะว่า มาคราวนี้จะแย่งมาสะมาจากฉันให้ได้เลย ก่อนแต่งงานกับฉัน :) ริโกะนี่แหละที่มาสะเคยพาไปดูบอลทีมชาติ ตอนที่เด็กๆแล้วตะโกนในสนามว่า ริโกะอยากแต่งงานกับโอโนะ จนคนรอบข้างเค้าหันมามอง

ตอนที่จากกันบนรถไฟใต้ดิน ริโกะ ร้องให้น้ำตาท่วมเลย อายะที่ปกติเป็นเด็กแข็งๆก็น้ำตาร่วงเผลาะ คงเป็นเพราะเราอยู่กันนานคราวนี้

ดัดผม

หลังจากกลับมาอยู่ในสถานะภาพปกติ ไม่มีเด็กให้เลี้ยง ฉันก็เริ่มเบื่อทรงผม เลยคิดว่าจะไปยืดดี หรือว่าตัด หรือ ดัดดีนะ ฉันเป็นยังงี้บ่อยๆ จะให้ทำผมทรงเดิมนานๆไม่ได้หรอก เบื่อตาย

ทั้งๆที่ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ก็เดินไปร้านทำผม เลือกอะไรไม่ได้ก็บอกว่าจะดัด เค้าก็ตัดๆดัดๆให้(ฉันเคยดัดผมครั้งนึงตอนที่เรียนเกษตร มันนานมากแล้ว คราวนั้นดัดแบบยาวๆ แล้วก็มัดครึ่งหัว แป๊บเดียวก็ไปตัดเป็นดัดบ๊อบ แป็บนึงไปซอยที่ดัดออกหมดเลย เพราะแพ้มูส) ตอนนี้ละ พอช่างปล่อยที่ดัดออกมาช๊อคมาก คิดว่าจะเดินไปอีกร้านแล้วยืดเลย ไปมาช่างก็มาปลอบ คุยไปคุยมา ฉันเลยบอกให้เค้าซอยๆออกไปเลยกลายเป็นผมหยิกกลมๆ ก็พอเดินออกจากร้านได้ ฉันรู้สึกเซ็งมากหลังจากออกจากร้าน ไม่กล้าไปพบใคร ปลอบใจตัวเองว่า ก่อนกลับเมืองไทย nan to ka na ru yo (เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดกับตัวเองเป็นภาษาญี่ปุ่นปนไทย)

แม่มาสะเห็นฉันเข้า แกกรี๊ดกร๊าด บอกว่าผมทรงนี้น่ารักมาก ฉันเลยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย มาสะเห็นก็ไม่ได้พูดอะไร บอกว่าดีนี่ ฉันคะยั้นคะยอถาม แกก็ตอบว่า ก็ทฤษฏีอย่างที่บอกไง ว่าหน้ากลมๆอย่างเธอ ผมฟูๆเหมาะมาก (คงจำกันได้ที่แกเปรียบหน้าฉันเป็นที่เขี่ยบุหรี่กลมๆ แล้วเอาทิชชูมาวางเป็นผมไง)

ตอนนี้มีแค่คนรู้จัก 2 คนเห็นหน้าฉัน เลยไม่รู้ว่าสรุปว่าไอ้ผมทรงนี้ ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดี (ปล ตะกี๊เจออาจารย์ แกทำหน้าชะงักเล็กๆตอนเห็นผมทรงใหม่ฉัน)

previous - next