diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

01.07.2004 - 1:50 p.m.

จูบ

เคท โชแปง

ภายนอกยังคงมีแสงสว่างอยู่รำไร แต่ภายในห้องที่ปิดม่านมิดนั้น มีเพียงแสงสลัวๆจากไฟที่กำลังลุกแผ่วๆอยู่ในเตาผิงสาดแสงวอมแวม ส่งให้ห้องพร่างพรมไปด้วยเงามืดหลากหลาย

แบรนเทนซึ่งนั่งอยู่ในเงามืดเงาหนึ่งนั้น ได้ถูกความมืดบดบังร่างของเขาไปจนหมดสิ้น แต่เขาก็ไม่ได้นำพา มันกลับเปิดโอกาสให้เขากล้าจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ในแสงไฟได้อย่างไม่วางตา

หญิงสาวมีผมสวย สีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย รับกับใบหน้าอันงดงามของเจ้าหล่อนอย่างพอเหมาะ หล่อนนั่งวางท่าโดยเอามือลูบแมวขนนุ่มที่นอนขดตัวอยู่บนตักไปพลาง บางครั้งบางคราวหล่อนก็ชม้ายชายตาไปยังมุมมืดที่คู่สนทนานั่งอยู่ ทั้งสองคุยกันเบาๆด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ซึ่งไม่ตรงกับสิ่งที่อยู่ในใจตน หล่อนรู้ดีว่าเขารักหล่อน – คนตรงไปตรงมาและพูดจาทื่อๆไร้มารยาอย่างเขา ไม่มีทางที่จะปิดบังความรู้สึกได้หรอก และเขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะปิดมันด้วย ก็ 2 อาทิตย์มาแล้วนี่นะ ที่เขาเฝ้าตามจีบหล่อนอย่างมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ตอนนี้หล่อนก็แค่รอคอยให้เขามาขอ แล้วหล่อนก็จะได้ตอบรับ ก็คนหน้าตาแสนจะธรรมดาและก็ไม่น่าสนใจที่ตรงไหนเลยอย่างแบรนเทนน่ะ รวยขนาดมหาเศรษฐีได้ หล่อนหรือใครก็หลงไหลอำนาจเงินกันทั้งนั้นแหละ

ในความเงียบระหว่างที่ทั้งสองหยุดคุยกันเพื่อดื่มชาและรับประทานอาหารว่างประตูก็ได้เปิดออก ชายหนุ่มที่แบรนเทนรู้จักได้โผล่เข้ามาในห้อง ขณะที่หญิงสาวเหลียวไปมองเขานั่นเอง หนุ่มผู้มาใหม่ก็ปราดพรวดเดียวเข้ามาประชิดข้างกายหญิงสาว และก็ได้โน้มกายลงมายังเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่งอยู่ – ก่อนที่หญิงสาวจะได้ทันคาดถึงความต้องการของผู้มาใหม่ และตระหนักว่าผู้มาใหม่ยังไม่เห็นแขกของหล่อน – เขาก็ได้จูบอย่างดูดดื่มเร่าร้อนไปบนริมฝีปากของหล่อนเสียแล้ว

แบรนเทนค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันหญิงสาวก็ลุกขึ้น แต่เป็นไปอย่างรีบร้อน โดยมีผู้มาใหม่ยืนขวางคนทั้งสองอยู่ รอยความขบขันและท้าทายแฝงความงุนงง ฉายไปทั่วใบหน้าของผู้มาใหม่

“ผมว่า” แบรนเทนพูดตะกุกตะกัก “ผมว่าผมอยู่นานเกินไปแล้วครับ ผม..ผมไม่ทราบมาก่อนเลย – ว่า, ลา-ก่อนครับ” พูดจบ เขาก็คว้าหมวกขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง และบางทีเขาคงไม่ได้รับรู้ถึงมือของหญิงสาว ที่ยังมีสติดีพอจะยื่นส่งออกมาให้เขา แต่หล่อนก็ไม่สามารถที่จะกล่าวคำใดออกมาได้

“สาบานได้ว่าฉันไม่เห็นเขานั่งอยู่จริงๆ แน็ตตี้! ฉันรู้ว่าทำให้เธอลำบากใจมาก แต่ฉันหวังว่าเธอคงจะยกโทษให้ฉัน – ฉันขอล่ะครั้งนี้ ทำไมเหรอ มันเกิดอะไรขึ้น”

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉัน” หล่อนตอบกลับอย่างมีโมโห “เธอถือดียังไง ถึงได้เข้ามาบ้านคนอื่นโดยไม่สั่นกระดิ่งก่อน”

“ฉันก็เข้ามาพร้อมกับพี่ชายเธออย่างที่เคยทำนั่นแหละ” เขาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เราเข้ามาทางด้านข้าง พี่ชายเธอขึ้นไปข้างบน ส่วนฉันก็เข้ามาตามหาเธอในห้องนี้ เห็นไหมว่าเรื่องนี้น่ะอธิบายได้ง่ายนิดเดียว และเธอก็คงเห็นแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เธอยอมยกโทษให้ฉันเถอะนะนาตาลีจ๋า” เขาอ้อนวอนเธอเสียงอ่อย

“ยกโทษให้เธอเหรอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอพูดอะไรออกมา ปล่อยฉัน ฉันจะยกโทษให้เธอหรือไม่น่ะ มันขึ้นอยู่กับ – ข้อตกลง”

ณ งานเลี้ยงแห่งหนึ่งที่หญิงสาวได้เคยพูดถึงกับแบรนเทน หล่อนเข้าไปหาเขาก่อนด้วยท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นเขาอยู่ที่นั่น

“ให้เวลาฉันคุยกับคุณซักครู่ได้ไหมคะแบรนเทน” หล่อนช่างดูมีเสน่ห์ แม้ในยามที่มีรอยยิ้มกระอักกระอ่วนบนใบหน้า แบรนเทนนั้นดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย แต่เมื่อหญิงสาวคล้องแขนเขาไว้ แล้วพาเขาเดินไปหามุมที่ปลอดผู้คน แสงแห่งความหวังก็ฉายออกมาบนหน้าเศร้าๆอันน่าหัวร่อของชายหนุ่ม แล้วหล่อนก็พูดออกมาด้วยท่าทีเปิดเผยว่า

“บางทีฉันไม่ควรจะมาคุยกับคุณเลยนะคะคุณแบรนแทน แต่ - แต่ เอ่อ ฉันรู้สึกไม่สบายใจและเศร้าใจมากตั้งแต่เหตุการณ์เย็นนั้นเมื่อฉันนึกถึงว่าคุณคงเข้าใจผิด และเชื่อ – ไปเช่นนั้น” ความหวังได้กระจายออกมาเต็มหน้ากลมๆไร้มารยาของแบรนเทน – “จริงๆนะคะ ฉันก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย แต่เพื่อตัวฉันเอง ฉันอยากให้คุณเข้าใจค่ะ ว่าคุณฮาร์วี่กับฉันน่ะ เป็นเพื่อนสนิทกันมานานมาก จนเหมือนเป็นญาติกัน – แบบพี่ชายกับน้องสาวน่ะค่ะ เขาน่ะสนิทกับพี่ชายของฉันมาก จนเขาคิดว่าเขามีสิทธิที่จะทำตัวเหมือนเป็นคนในครอบครัวเรา โอ ฉันรู้ค่ะว่าคุณคงเห็นว่ามันเหลวไหลน่าหัวเราะ และก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมาอธิบายเรื่องเสื่อมเสียนี้กับคุณ” เสียงของเธอต่ำ ปั่นป่วนความรู้สึกคนฟัง รอยแห่งความเศร้าได้จางหายไปจากใบหน้าของแบรนเทนจนหมดสิ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณใส่ใจว่าผมคิดยังไง ใช่ไหมครับคุณนาตาลี? อนุญาติให้ผมเรียกคุณว่าคุณนาตาลีเถอะนะครับ” แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินเลี้ยวไปตามทางเดินในตึกที่ตกแต่งด้วยไม้ประดับอย่างช้าๆ จนกระทั่งทางเดินได้สิ้นสุดลง และเมื่อทั้งคู่หันกลับมาเพื่อจะเดินกลับ ใบหน้าของแบรนเทนก็แสนจะแจ่มใส ขณะที่หน้าของหญิงสาวเกลื่อนไปด้วยร่องรอยแห่งชัยชนะ

ฮาร์วี่ได้รับเชิญมางานแต่งงานนี้ด้วย และเขาก็หาโอกาสที่จะพบหล่อนยามที่หล่อนอยู่คนเดียวได้สำเร็จ

“สามีเธอ” เขากล่าวยิ้มๆ “ส่งฉันมาจูบเธอน่ะ”

หญิงสาวหน้าแดงซ่านไปจนถึงลำคอ “ฉันว่าเป็นธรรมดาที่ผู้ชายเราน่ะ ก็คงจะต้องแสดงตัวว่าใจกว้างในสถานการณ์อย่างนี้น่ะนะ เขาบอกฉันว่าเขาไม่อยากให้การแต่งงานมาทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเธอกับฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอไปพูดอะไรกับเขานะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างรู้ทัน “แต่เขาก็ส่งฉันมาจูบเธอ”

หญิงสาวรู้สึกราวกับตัวเองเป็นเซียนหมากรุกที่วางหมากต้อนชายหนุ่มได้อย่างชาญฉลาด และกำลังมองดูเกมส์บนกระดานที่เข้าทางหล่อนพอดี แววตาของหล่อนที่จ้องมองชายหนุ่มนั้นเป็นประกายวาวราวกับกำลังยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของหล่อนดูทั้งเชิญชวนทั้งโหยหารสจูบ

“แต่ เธอรู้ไหม” ชายหนุ่มพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้บอกเขาไปหรอก คือมันดูเหมือนไม่สำนึกในบุญคุณน่ะ แต่จะให้ฉันบอกเธอก็ได้ ว่าฉันน่ะเลิกจูบผู้หญิงไปแล้ว มันอันตราย”

อืม หล่อนก็ได้แบรนเทนกับเงินล้านของเขาไปแล้วนี่นะ ใครล่ะจะไปได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ หล่อนออกจะหวังมากเกินไปหน่อยละมัง

------------------------------------------------------------------------------------------

มีข่าวดี ก็มีข่าวร้าย

ข่าวดี คือ ฉันได้ไปพรีเซนต์ที่เมกา ข่าวเศร้า คือฉันตกรอบแปลวรรณกรรมเหมือนกัน(ไอ้ที่โพสต์ไว้ข้างบนนี่แหละ) ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งหรอกนะ แต่ว่าอดที่จะหวังเล็กๆไม่ได้ สรุปว่าฉันตื่นเต้นกับแปลวรรณกรรมนี่ มากกว่าเรื่องงานที่ได้ไปพรีเซนต์อีก คิดว่าถ้าชนะ อาจจะหนีไปเป็นนักแปล(แบบ เก๋สีน้ำของเราไปเอาดีวาดรูปไง) เฮ้อ พระเจ้าคงอยากให้ลูกช้างเป็นครูต่อไป เนื่องจากเรื่องนี้สะเทือนใจมาก เลยเอามาคั่นจังหวะเรื่องทริปเวียดนามและฝรั่งเศสไปก่อน

previous - next