diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

06.07.2004 - 6:57 p.m.

อาทิตย์ก่อนฉันไปงานแต่งงานเพื่อนที่ฝรั่งเศส ทริปนี้มีเรื่องตื่นเต้นมาก ทำให้ชีวิตเรียบง่ายอย่างฉันมีสีสันขึ้นมาเป็นกอง

ภาคต้น

ขอบ่น ช่วงนี้ใครไม่อยากอ่านโปรดข้ามไปก่อนไปอ่านภาคเวียดนามเลยดีกว่าก่อนเดินทาง ฉันได้รับวีซ่าเมืองน้ำหอมกลับมา คราวนี้ฉันให้บริษัททัวร์ทำให้ คิดว่าคราวนี้สบายแล้ว ได้แน่ (เคยโดนรีเจกต์ เพราะหลักฐานไม่ครบเมื่อนานมาแล้ว) ได้วีซ่ากลับมาดันทางสถานทูตดันสแตมป์ผิด ลงในพาสปอร์ตที่หมดอายุไปแล้วเมื่อ ๔ ปีก่อน ที่ฉันแค่ส่งไปเป็นหลักฐานให้ดูว่าเคยไปฝรั่งเศสมาแล้ว ฉันร้อนรนใจมากโทรไปสถานทูต มันก็ไม่รับผิดชอบ บอว่าฉันต้องไปด้วยตัวเอง เอาหลักฐานไปให้มันดู ผเวลาทำวีซ่า ๔ วันทำการ) ฉันก็จะได้วันสุดท้ายก่อนเดินทางพอดี สถานทูดพูดจาห่วยแตกมาก อย่างที่รู้กันว่า คนทำงานเทีอกนี้ส่วนใหญ่ นึกว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่น แต่ฉันก็ร้ายไม่เบาเหมือนกัน ก่อนจบฉันก็เลยหัวเราะแบบกวนตีนสุดเดชใส่มัน แล้วด่ามันก่อนวาง

ในที่สุดฉันก็ดิ้นรนสุดเดชทั้งๆที่ตัวเองไม่ว่างมากๆ ต้องทำงาน แต่โทรไปถามผ่ายหนังสือเดินทางไทย คือคิดว่าต่ออายุหนังสือเดินทางที่หมดแล้วดีกว่า ไหนๆก็ได้วีซ่าแล้ว เค้าบอกว่าปกติถ้าทำที่บางนา ใช้เวลา ๔ วัน ถ้าทำที่ สนง ใหญ่ ๓ วัน (แต่ไกลมาก) กรณีกันหมดอายุเกิน ๖ เดือน ต้องทำใหม่ แต่ จนท ที่โทรไป เค้าบอกว่า ปกติถ้าต่ออายุเฉยๆ ได้เลยในวันนั้น ฉันเลย ตัดสินใจขับรถไปที่บางนา เจ้าหน้าที่น่ารักมาก พูดจาดี เข้าใจเหตุผล ต่ออายุ ให้ฉันเลยทันทีเดี๋ยวนั้น แต่ฉันก็ใช้วีซ่าไปได้อีกแค่ปีกว่า แต่ก็เอาแล้วล่ะ ในที่สุดก็ได้หลักฐานพร้อมเดินทาง (ใช้เวลารอแค่ครึ่งชั่วโมงเอง

ภาคสนามบิน

เดินทางไปเมืองน้ำหอมนี้ เพื่อไปงานแต่งงานเพื่อนซี้ฉัน เป็นคนฝรั่งเศส ตอนที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ ฉันมีเพื่อนที่สนิทมากอยู่ ๒ คน เป็นคนฝรั่งเศสทั้งคู่ ตอนนั้นฉันอยู่หอใน มีแต่นักศึกษามาจากยุโรป ฉันสนิทกับ ๒ คนนี้มาก ถึงแม้ เค้าจะอายุน้อยกว่าฉัน คือตอนนั้นฉันจบมหาลัยแล้ว แต่ว่าทิเฟนเพิ่งจบมัธยม ส่วนลิโอเนลกำลังเรียนป ตรี ทีเฟนเรียนภาษาชั้นเดียวกับฉัน ส่วนลิโอเนลนั้นรู้จักกันเพราะทิเฟน ช่วงเวลาที่อังกฤษ เรา ๓ คนสนิทกันสุดๆ ก็งานแต่งงานฉัน ลิโอเนลก็บินมาด้วย แต่ว่าทิเฟน ตอนนี้ยังเรียนอยู่ก็เลยไม่ได้มา

งานนี้เป็นงานแต่งงานของลิโอเนล มีฉัน ม และก็น้ำเพื่อนรุ่นน้องไปด้วยกัน แต่เนื่องจากฉันและน้ำมีเวลามากกว่า เรา ๒ คนเลยเดินทางด้วยสายการบินราคาถูก(เวียดนาม) ม ลางานได้น้อย เลยต้องไปสายการบิน ออสเตรียราคาแพง ฉันและน้ำออกเดินทางก่อน เริ่มเดินทางตอนบ่าย ๒ โมง แน่นอนว่าแยกกันมาอย่างนี้ ม กำชับกำชาฉันมาอย่างดี ด้วยความเป็นห่วงว่า คงไม่ใช้เงินมาใช่ไหม ไม่ใช่ว่าน้ำซื้อนาฬิกาแล้วเธอเอาด้วยนะดักคอกันมาอย่างนี้ ฉันกับน้ำเดินเล่นดิวตี้ฟรีที่ดอนเมืองแค่ ครึ่งชั่วโมงเอง ฉันก็ไม่ได้ซื้อนาฬิกา แต่ว่าได้กำไลทองของดูไบมาแทนน่ะ (จ๊าก ยังไม่ได้ออกเดินทางเลยตู) แต่ฉันเคยเห็นน้ำซื้อมาใส่ตั้งแต่ปีที่แล้ว อยากได้อ่ะ ชอบมาก มันเป็นกำไลแขกๆ อันเล็กๆน่ารัก ที่สำคัญมันเหมือนของปลอม ซื้อแล้วบอกราคา ม ไม่ได้เด็ดขาด เพราะเดือนที่แล้ว เพิ่งหลอกให้แม่ซื้อสร้อยข้อมือทองให้ ม ก็รู้ดี บอกว่าซื้อที่เวียดนามดีกว่าว่ะ หรือว่ายังไงดีนะ

ภาคเวียดนาม

แล้วเราก็ขึ้นเครื่องแค่ชั่วโมงกว่าๆ มาลงฮานอย ระหว่างนี้ขอเล่าเรื่องคนอังกฤษที่นั่งข้างๆน้ำ หน้าตาหล่อมาก น้องทำให้ป้าทั้งสองน้ำลายหกไปคุยกับน้องเค้าไป พวกเราต้องรอเครื่องเกือบ ๘ ชั่วโมง ฉันกับน้ำก็นัดแนะกันว่า เราจะไปเดินเล่นในเมืองค่าเวลา พอเครื่องลง เราก็รีบไปที่ด่านทันที แต่ว่าคนเยอะมาก ฉันก็ชวนน้ำมาต่อแถวเดียวกัน น้ำดันไปเจอแถวที่สั้นกว่า ฉันก็เกือบจะเดือนไปแล้วแหละ แต่ว่านึกได้ที่ ม เคบบอกว่า กฎของเมอร์ฟี่กว่าว่า เปลี่ยนแถวไปมา ในที่สุดจะช้ากว่าอยู่แถวเดิม คิดว่าเชื่อ ม ดีกว่าคราวนี้ แล้วฉันก็ไปถึงด่านจนได้ (ทำใจมากเพราะพวกเวียดนามหน้าฉัน มากันเป็นกลุ่มสาวๆ ยุกยิกเปลี่ยนแถวกันไปมา) ในที่สุด ด่านก็ให้ฉันผ่านไป(คงนึกว่าฉันมากับเวียดนามรึเปล่า) ฉันก็ออกไปยืนรอน้ำด้านนอก มองไปทำไมน้ำนานจังวะ เห็นน้ำโดนถามโน่นนี่ อยู่ดีๆ น้ำก็โดนเรียกตัวไปข้างใน จนคนที่มาเครื่องเดียวกันออกมาได้หมดแล้ว น้ำหายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว ฉันร้อนใจมาก เลยถาม จนท แถวๆนั้น โดยพยายามพูดจาเรียบร้อย เรียก เซอร์ๆ ทุกคำเลย (ใช้ให้มันไปดูให้หน่อยว่าเพื่อนฉันหายไปไหน) ตานั่นก็หายไปพักใหญ่ กลับมาบอกว่าเพื่อนฉันทรานสิสไง ออกมาไม่ได้ โดนกักตัวไปข้างบนแล้ว ฉันแบบเคว้งมากเลย (คิดในใจว่าบอกน้ำแล้วให้มาต่อแถวเดียวกัน) จะทำไงล่ะทีนี้ เข้าไปก็ไม่ได้ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามต่อไป

previous - next