diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

06.07.2004 - 7:48 p.m.

เล่าเรื่องเวียดนามต่อ

จากการที่รู้ว่าน้ำโดนกักตัว ทำให้ฉันพยายามโทรติดต่อ กว่าจะหาโทรศัพท์ได้ในแอร์พอร์ตของประเทศนี้ มันยากเย็นจริงๆ ฉันก็โทรไปหาน้ำได้ น้ำบอกว่าจะพยายามออกมาให้ได้ ให้ฉันรอที่ประตู ฉันก็รอนานก็ยังไร้วี่แวว เลยพยายามไปโทรใหม่อีกที ระหว่างโทร ก็มีเจ้าหน้าที่สนามบิน มาบอกว่า เพื่อนให้มาตาม น้ำก็ได้คุยกับฉันที่ประตู ยายเจ้าหน้าที่ก็จะพาฉันเข้าไปนั่งรอข้างในใหม่ให้ได้ ฉันก็เลยถามน้ำว่าอยู่คนเดียวได้ไหม (น้ำเที่ยวเวียดนามมาหลายรอบมากแล้ว) น้ำบอกว่า พี่ไปเหอะ ซื้อกระเป๋ามาด้วยนะ ยายจนท.ก็รีบๆไล่ให้ฉันรีบไปรีบกลับ เพราะจากสนามบินเข้าเมือง ถ้านั่งแท็กซี่ ก็ 1 ชม จนท บอกว่าค่าแท็กซี่ 10 US ดอลล่าร์ ฉันก็เลยไปแลกเงินมา 30 ยูโร (ดันพกมาแต่เงินเนี๊ยะ) ได้เงินดองมาเป็นฟ่อนเลย

ให้ฉันนั่งแท๊กซี่คนเดียวก็กลัวๆอยู่ เลยเลือกนั่งรถตู้แบบลีมูซีนคือจากแอร์พอร์ตเข้าเมือง เห็นมีคนนั่งไปด้วยพออุ่นใจ ก็ถามคนขับว่าฉันจะไปตลาด (เรียกว่าด่องซวน) ตามที่น้ำบอกมา คนขับก็พูดทำนองว่า รถไปไม่ถึงหรอก แต่ว่าจอดใกล้ๆ เธอต้องต่อรถไป หรือเดินไป ฉันก็โอเค ในใจคิดว่า ไม่ไปตลาดก็ได้ นั่งรถชมเมือง พอรถกลับอาจจะกลับมาด้วยเลย ตอนจ่ายเงิน เห็นคนเวียดนามเขาจ่ายกัน 2หมื่นดอง ฉันก็ควักตาม ระหว่างนั่งรถฉันก็คำนวณเงินไปด้วย ว่าจะรู้ค่าเงินได้ยังไงว่ากี่บาท ก็คิดได้ว่า ประมาณ ตัดศูนย์ไป 2 ตัว แล้วเอา 4 หาร ค่ารถก็ประมาร 50 บาท

นั่งรถจากแอร์พอร์ตเข้าเมืองฮานอย ระหว่าทางมีแต่ทุ่งนา ถนนดีพอควร เหมือนไฮเวย์ นั่งไปซักครึ่งชม ก็เริ่มเห็นบ้านเรือนเหมือนต่างจังหวัดบ้านเราแล้ว มีตึกแถว มีอะไรๆขึ้นมาบ้าง ในที่สุดก็เข้าเมือง ฉันคิดว่าฮานอยเป็นเมืองใหญ่มากนะ(ไม่ได้ทำการบ้านก่อนมาเลย คือไม่ได้คิดว่าจะมาเที่ยวเวียดนาม และก็ไม่ได้คิดว่าจะมาคนเดียวอย่างนี้) ถึงจะเจริญไม่เท่ากรุงเทพ แต่ว่าตัวเมืองเอย City centre กว้างมาก ที่สำคัญ รถมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ไม่เคยเห็นมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นั่งรถไปจนคนสุดท้ายลง ฉันก็ถามคนขับว่า ถึงตลาดด่องซวนรึยัง คนขับพยักเพยิดให้ฉันไปนั่งข้างหน้า บอกว่าเดี๋ยวพาไป แล้วก็ถามฉันว่าจะไปไหนต่อ ฉันบอกว่าเดี๋ยวช๊อปปิ้งเสร็จแล้ว จะกลับแอร์พอร์ต (คนขับมีความรู้ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆ ฉันต้องใช้ความพยายามในการสื่อสารมาก) คนขับเลยบอกว่า เดี๋ยวขากลับ จะรอ คิดค่ารถ 7 ดอลล่าร์ ฉันก็รีบโอเคเลย เพราะว่าคิดว่าคนขับเป็นคนของสนามบินคงไว้ใจได้ ดีกว่าหาแท็กซี่ใหม่ ที่นี้ฉันก็ถามคนขับ(ใช้ไม้ใช้มือประกอบ) ว่า ตลาดมันปิดรึยังล่ะ หลังจากพยายามรอบที่ 5 เค้าก็เข้าใจ บอกว่าปิดแล้ว เดี๋ยวจะพาดูตัวเมืองที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งละกัน ชอบตรงไหนให้บอกจะปล่อยลง ฉันก็ดีใจมาก ไปมากลายเป็นทัวร์ไปซะแล้ว พาฉันชมตลาด ฉันก็เห็นว่าช่วงถนนนึง มีร้านขายกระเป๋าเยอะตามน้ำสั่ง ก็ขอลง คนขับบอกว่าตามสบาย จะรอเสร็จแล้วจะพาไปช็อปต่อ ฉันก็เข้าไปดูกระเป๋าให้น้ำ ฉันไม่ค่อยอยากได้อะไร เลยเดินแค่ 2 ถนน (แถวนั้นเป็นร้านค้าเต็มไปหมดเหมือนจตุจักรบ้านเราได้ แต่เค้าขายในตึกแถวนะ)

ระหว่างนั้นขอโรงแรมเข้าห้องน้ำด้วย โรงแรมห้องแถวเล็กๆ แต่งสวยๆดูภายนอกดีมากประตูกระจกหรู ข้างในก็สวยดีนะ แต่ไม่มีแอร์หรอก ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะประหยัดเหมือนกันหมด พนักงานโรงแรมแต่งตัวหรูเต็มยศ อยู่ได้ยังไงกันฟะ)

มาถึงรถ คนขับพาฉันไปชมตลาดด่องซวนซึ่งปิดไปแล้ว พี่แกก็ถามว่าอยากทำอะไรต่อล่ะ แกก็พาฉันไปดูห้างสรรพสินค้า คงนึกว่าฉันอยากช็อปปิ้ง ฉันเห็นห้างแล้ว เหมือนเกษรพลาซ่าประมาณนั้น ก็เลยบอกแกว่า โนๆ แซม as Thailand (ต้องพูดอะไรทำนองนี้นะคะ พี่แกถึงเข้าใจ) คนขับถามฉันว่าแล้วไปไหนต่อล่ะ ฉันก็พยายามบอกแกว่าชมเมืองทั่วๆละกัน แกก็พาฉันชมทะเลสาบ ที่นี่คนเค้าจะมานั่งเล่นริมทะเลสาบกัน ตอนเย็น แล้วแกก็พาดูโน่นนี่

ทีนี้พี่แกก็เสนอทำนองว่า เธอบอกว่าไปให้ถึงสนามบิน 3 ทุ่ม เหลือเวลาอีกตั้งนาน ไปกินกาแฟกันมั๊ย (เอาแล้วไง ฉันนึก แต่คนขับก็หน้าตาซื่อๆดี อายุประมาณ ไม่รู้สิ 30 กว่าๆมั๊ง) ฉันก็คิดว่า แค่กาแฟคงไม่เป็นไร แกก็ใจดีขับรถพาทัวร์ขนาดนี้ เดี๋ยวเลี้ยงกาแฟแกดีกว่า คิดต่อว่าจะไม่คลาดสายตาไปจากแก้ว ให้ใครมาหลอกมอมยาได้เป็นอันขาด พี่แกก็ขับรถไปริมทะเลสาบอีกที่หนึ่ง บอกว่าต้องดื่มกาแฟชมทะเลสาบถึงจะดี ร้านกาแฟก็น่ารักๆดี สไตล์ฝรั่ง (คือฉันเลือกเอง บอกว่าเอาร้านนี้ละกัน) แต่กาแฟที่นี่เหมือนกาแฟชงถุงบ้านเราเลย ฉันสั่งกาแฟเย็น เข้าใส่นมข้นมานอนก้น(แบบกาแฟร้อนไทยๆ) แล้วลอยน้ำแข็งมา 2 ก้อน ต้องมาคนเองแปลกดี ฉันดื่มแบบรวดเดียวหมด พี่แกนั่งดื่มแบบละเลียดมาก (คิดในใจ อยากนั่งดื่มกับตูนานๆรึไงฟะ) แต่ว่าไม่ได้คุยกันนะ ดื่มเสร็จพี่แกแอบไปจ่ายไม่ยอมให้ฉันออกตังค์ด้วยอ่ะ

ก่อนออกจากร้านอยู่ดีๆมีเพื่อนแกโผล่เข้ามาในร้าน แล้วก็นั่งรถตู้ไปด้วยกัน ฉันก็กลัวดิ นั่งติดประตู กะว่ามีอะไรกูโดดลงแน่ แต่เพื่อนแกขึ้นมาพูดภาษาอังกฤษจ้อ แบบพูดเก่งมาก ก็ถามฉันโน่นนี่ซัก 5 นาที แล้วก็ลงจากรถไป ได้ความจากพี่สิงห์คนขับ(ลือบอกไปว่าพี่แกชื่อสิงห์) ว่าเพื่อนแกเป็น ผจก โรงแรม เอ แล้วมันมาทำไมฟะ (คิดในใจว่าพี่สิงห์คงเรียกมา เพราะเห็นโทรมือถือ) น้ำแซวตอนเล่าให้ฟังว่า พี่สิงห์คงเรียกมาดูฉัน โอย!

แล้วพี่สิงห์ก็ขับพาฉันเดินทางต่อ ระหว่าทางก็มืดแล้วล่ะ ทางก็ไม่ใช่ทางเดิมด้วย แต่ฉันก็กะว่าอย่างมากก็โดลงรถ แต่พี่แกก็สุภาพเรียบร้อยมาก ยังคุยกันเรื่องบอลยุโรป ถึงเกียร์ติศักดิ์ไปค้าแข้งที่โน่น แล้วพี่แกก็ชี้ให้ฉันดูระหว่างทาง พยายามอธิบายว่าเป็นร้านขายเนื้อหมา โอ๊ว! แกพูดว่า food dog ค่ะ ฉันก็พยายามเข้าใจนะ ก็เห็นเป็นร้านสไตล์นั่งกับพื้น ถ้าใครเคยไปเกาหลี ร้านจะหน้าตาเหมือนเนื้อย่าง แต่ไม่รู้เค้ากินยังไงนะ ถามพี่สิงห์ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง มีร้านเนื้อหมาเยอะมาก ได้ความว่าคนเวียดนามนี้ อาหารอันดับหนึ่งต้องเนื้อหมา ฉันบอกแกว่าไม่ไหวๆ แกก็เลยล้อฉันบอกว่ากินกันเหอะ

พอจะถึงสนามบิน

previous - next