diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

13.11.2002 - 3:02 p.m.

ชงชา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คุณเคียวโกะชวนฉันไปร่วมพิธีชงชา ฉันนั่งรถไฟไปลงสถานีชิเกะโทมิ เป็นสถานีที่ลงประจำเวลาจะไปบ้านคุณเคียวโกะ คราวนี้เธอมารออยู่ที่หน้าสถานีแล้ว โดยใส่กิโมโนสวยนั่งรออยู่ในรถแท๊กซี่ แท๊กซี่พาไปจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง สวนหน้าบ้านเป็นสวนญี่ปุ่นที่ถูกจัดไว้สวยมาก พอลงจากรถคุณเคียวโกะก็อธิบายว่านี่คือบ้านอาจารย์สอนชงชาของเธอ อาจารย์ที่เดินออกมาเปิดประตูแลดูสาวมากจนไม่น่าเชื่อว่าอายุแปดสิบกว่าอย่างที่คุณเคียวโกะบอกฉัน ฉันได้เดินเข้าไปชมในบ้านซึ่งแบ่งออกเป็นห้องชงชาถึงสี่ห้อง ไว้ใช้กับทุกฤดู บ้านกว้างและมีห้องชงชาเยอะขนาดนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน คนที่มีได้ต้องคนที่มีฐานะดีมาก

แต่ว่าวันนี้เขาไม่ได้จัดพิธีชงชากันที่บ้าน นัดกันจะไปที่โรงแรมนึง เลยเวลานัดเกือบชั่วโมง ลูกศิษย์สาวๆของอาจารย์ถึงจะมากันครบ อาจารย์หัวเสียมาก สำหรับคนญี่ปุ่น ผิดนัดแค่ห้านาทีก็เป็นเรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อาจารย์บ่นไปจนถึงโรงแรมเลยทีเดียว

เรานั่งรถลูกศิษย์ของอาจารย์คนนึงไปโรงแรมที่ว่ากัน มันเป็นโรงแรมที่อยู่กลางหุบเขา หน้าโรงแรมเป็นทะเลสาบล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา อากาศกำลังหนาว ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีส้มๆ มีสายหมอกจางๆอยู่บนยอดเขา สวยราวกับภาพวาด อากาศหนาว ไม่สามารถจะจัดพิธีชงชากันได้ที่สวนด้านนอก ก็เลยจัดที่ห้องนึงที่ผนังด้านนึงเป็นกระจก มองออกไปเห็นทิวทัศน์ได้สวยพอทดแทนกันได้

อุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีชงชามีเยอะมาก ขนใส่ท้ายรถเก๋งมาสามคันเต็มๆพอดี การชงชาช่างเป็นแบบแผนจริงๆ แค่การเตรียมอุปกรณ์ก็ใช้เวลาเป็นชั่งโมงแล้ว ฉันช่วยเทผงชาเขียวใส่ถ้วย ซึ่งต้องเทให้ดี ให้ตรงกลางพูนขึ้นมา ให้เป็นจินตภาพของภูเขา แล้วก็ช่วยจัดขนมใส่ถาด แค่จัดขนม ฉันก็รู้ตัวเองเลย พอให้อาจารย์ดู แกก็แก้ให้หน่อย มันดูดีขึ้นกับที่ฉันวางผิดหูผิดตาเลย ฝีมือคนละชั้นนี่มันเป็นคำที่ใช้ได้ดีจริงๆ

เริ่มชงชา ตอนแรก ฉันกับอาจารย์ก็นั่งดูแบบเป็นคนนอกไปก่อน โดยนั่งเก้าอี้ดู นักเรียนอาจารย์ก็ผลัดกันชง อาจารย์จะดูท่าของแต่ละคน แล้วก็ติ อาจารย์สอนศิลปะคงจะเป็นอย่างนี้กันหมด คือช่างติ ยิ่งการชงชาที่ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบแบบแผนมากๆ อาจารย์จะติได้หมด ไม่ว่าจะวางฝาถังน้ำผิดเอย นั่งผิดที่ไปคีบนึง หันก้นผิดไป 10 องศา ฯลฯ เยอะมาก จนฉันถามคุณเคียวโกะว่าเรียนมากี่ปีแล้วเหรอ แกก็ตอบฉันว่า ไม่อยากบอกเลยอาย เรียนมาเดือนละ 2,3 หน เป็น 10 ปีแล้วล่ะ ฉันก็เลยเข้าใจ พิธีชงชานี่นอกจากเสียงอาจารย์ที่คอยติแล้วทุกอย่างจะเงียบมากๆ เราจะต้องจำท่าให้ได้ (ว่าไปมันก็เหมือนเรียนรำไทยเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีเสียงเพลง) แล้วก็ทำท่าต่างๆไปตามขั้นตอน เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งเลยทีเดียว พอลูกศิษย์คนสุดท้ายชง ฉันกับอาจารย์ก็เข้าไปร่วมเป็นแขกด้วย ชงชาแต่ละทีใช้เวลานานมาก ก็ขึ้นกับจำนวนแขกด้วย แขกมากก็ยิ่งนาน ฉันทำโน่นนี่ไม่ค่อยเป็น ก็โดนอาจารย์สอนด้วยเสียงอันดัง น่ากลัวเหมือนกัน มิน่าศิษย์อาจารย์เลยทำผิดทำถูก คงลนลาน

ส่วนที่ลำบากในพิธีชงชา สำหรับฉันก็คือ

1 ก่อนดื่มชา ผู้ชงจะบอกให้ทานขนมได้ ช่วงนี้เราต้องหันกล่องมาตรงกลาง หันไปบอกคนทางขวา ว่าทานล่ะนะคะ แล้วก็หันไปบอกคนทางซ้ายว่า ทานก่อนนะคะ แล้วก็คีบขนมเสร็จแล้วก็เช็ดตะเกียบ แล้วก็หันกล่องไปให้คนทางซ้าย แล้วก็ทานให้เสร็จ ก่อนที่ผู้ชงชาจะทำชามาให้ ซึ่งช่วงเวลามันสั้นนิดเดียว ฉันต้องรีบกระเดือกขนมหวานก้อนใหญ่เข้าไป อันนี้แหละที่ทรมานมาก เพราะว่าต้องกินเร็วๆให้เรียบร้อยและไม่มีอะไรให้ดื่ม

2 นั่งทับเท้าแบบญี่ปุ่น ต้องนั่งนานมาก... นั่งจนเท้าเป็นเหน็บไปแล้วไม่รู้กี่รอบพิธีก็ไม่เสร็จซะที

3 -_- ! มีสองข้อแค่นี้แหละ ใครว่าชาเขียวขมมากอย่าไปเชื่อ เพราะว่าที่จริงแล้วมันอร่อยมาก ฉันกินมาหลายครั้ง ก็ติดใจทุกครั้ง

หลังจากพิธีชงชาเสร็จ ก็ทานอาหารกันที่โรงแรม อาหารอร่อยมาก แล้วก็เยอะมาก กินจนอิ่มกินไม่หมด วันนั้นไม่ต้องการมื้อเย็นอีกเลย แล้วก็ไปออนเซ็น ก็คืออาบน้ำแร่ที่โรงแรม กลับบ้านเย็น หมดวันพอดี

previous - next