diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

16.04.2002 - 9:05 p.m.

อย่างที่บอกแล้วว่าฉันรู้สึกอึดอึดสุดๆที่พูดอะไรกับใครเขาก็ไม่ได้ในตอนแรก แล้วคลาสต่ำสุดที่เรียนอยู่น่ะ ฉันดูแววแล้วว่าเรียนจนจบเทอมก็คงพูดได้แค่ ฉันกินข้าว ประโยคสั้นๆ อะไรประมาณนี้เท่าเดิม คลาสต่ำสุดน่ะเรียนตอน 8 โมงเช้าเรียนชั่วโมงครึ่ง ฉันมีความมุมานะมากเลยตอนนั้น เห็นตารางเรียนมีคลาสเบื้องต้นระดับสอง เปิดเรียนตอน 6 โมงครึ่งถึง 2 ทุ่มด้วย ฉันก็อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไปนั่งเรียนแบบ sit in ขนาดว่าจากบ้านปั่นจักรยานไปเรียนภาษาใช้เวลา 20 นาทีกว่า ฉันก็ไม่ย่อท้อ

พอไปลองนั่งเรียนคลาสเบื้องต้นสองครั้งแรก ฉันก็ตามได้ทันดีนะ นั่งเรียนข้างๆ กับเด็กในคลาสคนอื่นๆ ก็มีคนที่มาจากคลาสหนึ่งมานั่ง sit in แบบฉันได้พอประมาณ เค้าก็คงคิดอยากพูดได้เร็วๆเหมือนกันแหละนะ

แต่พอไปนั่งเรียนได้วันที่สองเท่านั้นเอง ยายคนสอน ยื่นกระดาษให้กับนักเรียนที่มา sit inทุกคน ในนั้นมีเนื้อความว่า

1. ห้ามนักเรียนที่มา sit in นั่งเรียนใกล้ๆกับนักเรียนปกติ ไปนั่งไกลๆ ต่างหาก

2. ห้ามนักเรียนที่มา sit in พูดกับนักเรียนปกติ และห้ามพูดกับฉัน(คนสอน)

3. ห้ามนักเรียนที่มา sit in ขาดเรียน

มีอีกหลายๆข้อ เนื้อหาทำนองเดียวกัน

ยายคนสอนพิมพ์มาแจกเป็นภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่นด้วย กลัวอ่านไม่ออกกัน ฉันก็ทนนั่งเรียนอยู่จนจบในวันนั้น แต่คนสอน ไม่ยอมแจกชีทที่ใช้เรียนให้ด้วย ฉันว่ามันสุดจะทนเลยนะ พวกฉันต้องมานั่งหลังห้องสุดๆ ห้ามพูดคุย มันทำอย่างกับพวกเราไม่ใช่คนแล้วกฏงี่เง่ายังมาห้ามขาดเรียนอีก ก็ในเมื่อไม่อยากให้มาเรียนอยู่แล้ว จะมาห้ามขาดเีรียนทำไม

ฉันก็แค้นใจมาก ก็เล่าให้ M ฟัง เค้าก็บอกว่าให้ลองไปพูดกับอาจารย์ที่สอนระดับล่างสุดดู แล้วก็เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษานักเรียนต่างชาติด้วย ฉันก็ลองไปพูดกับทั้งสองคน เค้าก็ตกใจเพราะว่าฉันเล่าไปก็น้ำตาไหลไปด้วยความแค้นว่าทำไมมันต้องกีดกัน คนที่อยากเรียนกันถึงขนาดนี้วะ แต่ว่าทั้งสองคนก็ทำอะไรไม่ได้ บอกว่าหัวหน้าภาคภาษาญี่ปุ่นก็เห็นดีเห็นงามไปกับกฏของยายนี่มัน เลยไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันด้วย อาจารย์แกก็อุตส่าห์โทรไปคุยกับยายโหดหัวหน้าภาค ซึ่งมันก็ตอบมาว่าก็เด็กของคุณสอบวัดระดับไม่ผ่านเอง อาจารย์ฉันก็เลยพูดกับฉันหลังวางหู แปลได้ว่า ยายนี่เป็นคนใจร้าย

หลังจากนั้นฉันก็กะว่าจะไม่ เข้าไปนั่งซิทอินอีกแล้วเพราะว่าทนกฏงี่เง่าไม่ได้ M ซึ่งเป็นคนใจเย็นและประณีประนอมก็ิบอกฉันว่า ทำไมเธอต้องหยุดเรียนล่ะ ก็ไปเท่าีที่ไปไหวละกัน แล้วเป้าหมายของเธอน่ะคือจะพูดให้ได้ไม่ใช่เหรอ จะมาใส่ใจมันทำไม ฉันก็ทนไปเรียนบ้าง แล้วก็ตั้งใจอ่านหนังสือเองให้มากๆ เวลาไปนั่งเรียนน่ะ ต้องทรมาณให้ยายคนสอนมันดูถูกเอามากๆเลย อึดอัดใจมากก็โทรไปปรึกษาแจงที่เมืองไทย แจงจะปากร้ายช่วยกันด่ามันสะใจดี ฉันร้องไห้หลายครั้ง บางทีก็คิดว่ามาเรียนที่ีนี่ทำไมฟะกู เรียนจบโทที่อังกฤษก็น่าจะต่อเอกที่อังกฤษ หรืออเมริกาก็ได้ ไม่น่ารนหาเรื่องเลย แต่ว่าก็กัดฟันทน

ในที่สุดพอสิ้นเทอมมีสอบวัดระดับอีกที ฉันผ่านได้ไปเรียนชั้นอื่น มาถึงตอนนี้ ก็ยังงูๆปลาๆแหละ ก็พอพูดได้แต่ว่าอ่านไม่ค่อยออก เพราะว่าพอพูดได้แล้ว ก็เลยหมดความพยายาม :p

previous - next