diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

23.05.2002 - 5:59 p.m.

ประเทศที่คนในประเทศ พูดภาษาเดียวกัน หน้าตาก็ไม่ได้ต่างกัน เคยอยู่ด้วยกันมาด้วยดี อยู่มาวันหนึ่งก็มีกำแพงอันใหญ่ มากั้นกลางระหว่างประเทศ แบ่งประเทศที่เคยเป็นหนึ่งเดียว ให้แตกออกเป็นสอง แยกครอบครัวจำนวนมากที่เคยอยู่ด้วยกันมา ต้องพลัดพราก กระจัดกระจาย คนที่เคยพบกันก็ต้องมาจากกันตลอดไป... ไม่มีทางได้พบกันอีกแล้ว ในชาตินี้

นี่เพราะว่าความแตกต่างกันทางการเมือง ความที่คนกลุ่มน้อย แต่เป็นใหญ่ ต้องการให้เป็น แล้วก็ลิขิตชีวิตของคนทั้งประเทศ เกาหลี

เกาหลีใต้ ประเทศที่พัฒนาแล้วประชาชนกินดีอยู่ดี อุดมสมบูรณ์ ช่างแตกต่างอย่างเหลือเกินกับเกาหลีเหนือ ความเป็นอยู่ลำบากยากจน ความอดอยากข้นแค้นทำให้ผู้คนต้องกระเสือกกระสน หนีไปตายเอาดาบหน้า หลายครอบครัว พยายามหลบหนีจากเกาหลีเหนือ เพื่อไปอยู่ทางใต้ แน่นอนการหลบหนีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย มีบ้างที่ทำสำเร็จ แต่หลายครอบครัวก็ต้องพลัดพราก บางคนในครอบครัวไม่สามารถไปพร้อมกันได้ ได้แต่รออย่างมีความหวังว่าสักวันนึง จะได้กลับไปอยู่ด้วยกัน...อีกครั้ง

การหลบหนีออกนอกประเทศของคนเกาหลีเหนือ ต้องใช้ทั้งเวลา การวางแผน และความพยายามพยายามทุกวิถีทาง ครอบครัวหนึ่งพากันหนีออกมาจากเกาหลีเหนือ อพยพพากันมาอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ความหวังพวกเค้าคือได้ไปอยู่ในเกาหลีใต้ ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่า และผู้คนก็พูดภาษาเดียวกัน บรรพบุรุษเดียวกัน ไม่ผิดไม่ใช่หรือ ที่หวังเช่นนั้น ในเมื่อตราบใดที่ยังอยู่ในจีน ถ้าถูกจับได้ ก็ต้องโดนส่งกลับไปอยู่ที่เกาหลีเหนือใหม่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

ความพยายามของครอบครัวนี้สำเร็จไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งจริงๆ เพราะว่าแค่พ่ออายุเกือบหกสิบและบางคนหลบหนีสามารถหนีเข้าไปในที่ทำการของ ยูไนเต็ด เนชั่น ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งได้ และก็ร้องขอความเมตตาให้เจ้าหน้าที่ส่งตัวพวกเขาไปยังเกาหลีใต้

ภรรยาอายุห้าสิบกว่า และลูกชายสองคน ลูกสะใภ้และหลานสาวอายุสองขวบ ยังหนีไปไม่ได้ ต้องหลบๆซ่อนๆอยู่ในจีนต่อไป ทำได้แต่นับวันรออย่างมีความหวังว่าซักวัน พวกเค้าก็คงจะได้พบกัน...อีกครั้ง

ผ่านการรอคอยอันแสนนาน เป็นเดือน เป็นปี และแล้วคนทั้งห้าคน ก็พยายาม โดยพวกเค้าตั้งความหวังไว้กับสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศจีน ทั้งห้าเฝ้ารอจังหวะที่ยามและตำรวจจีนเผลอ ก็วิ่งเข้าไปในสถานฑูต ทั้งห้ากะระยะทางจังหวะเวลาแล้วว่า ยังไงก็วิ่งเข้าไปในรั้วของสถานฑูตได้แน่ แล้วพวกตนก็จะเป็นอิสระ แต่ว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อตำรวจจีน เห็นเข้าก็วิ่งไล่กวด จนกระทั่งฝ่ากฎหมายสากล วิ่งเข้าไปลากเอาตัวออกมาจากสถานฑูต

อาจจะเป็นโชคดีของพวกเขา ทีภาพนั้นได้ถูกบันทึกไว้ในกล้องวิดีโอ แล้วแพร่ภาพไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ภาพนั้นเป็นภาพที่แม่ของหนูน้อยวัยสองขวบ โดนตำรวจจีนดึงตัว ลากขาออกมาจากสถานฑูต โดยที่ตัวเองใช้มือเกาะลูกกรงขืนตัวเอาไว้ ไม่ยอมให้ลากไปไหน ปากก็ร้องบอกให้ลูกสาวหนีเูข้าไปหนีเข้าไป แต่ว่าหนูน้อยวัยสองขวบ ก็ไม่สามารถเข้าใจคำพูดของแม่ได้ ยืนนิ่ง มองดูแม่อยู่ใกล้ๆอย่างไม่เูข้าใจอะไรเลย และในขณะนั้นเอง คนในสถานฑูตญี่ปุ่นก็เดินมาดูเหตุการณ์ที่ประตูรั้ว ไม่มีคำห้ามปราม ไม่มีแม้แต่คำต่อว่า ว่าตำรวจจีนผิดกฎหมายสากลระหว่างประเทศที่บังอาจเข้ามาในเขตของตัว กลับยืนดู ให้ตำรวจจีนเอาตัวคนทั้งห้ากลับไป อย่างไร้หัวใจ

หลังจากข่าวนี้ถูกแพร่ภาพผู้คนในญี่ปุ่นก็พากันก่นด่า ทั้งเรื่องมนุษยธรรม และการปล่อยให้ตำรวจจีนละเมิดพรมแดน รัฐบาลญี่ปุ่นแน่นอนย่อมต้องยอมไม่ได้ โทษจีนทันที และเรียกร้องให้ส่งคนทั้งห้าคนออกมา ส่วนรัฐบาลจีนก็ย่อมต้องบอกว่าตนไม่ผิด ทางสถานฑูตญี่ปุ่นรู้เห็นเป็นใจ ต่างคนต่างไม่รับผิด แต่ในที่สุด หลายๆฝ่ายก็พากันกดดัน จนเมื่อวานนี้เอง จีนก็ยอมส่งตัวคนทั้งห้าให้ไปยังฟิลิปินส์ เพื่อที่จะได้เดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้

ข่าวเมื่อช้าวนี้ แม่ของหนูน้อยดีใจที่ได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้ ได้ออกมาสู่อิสรภาพ ออกจากธงสีแดง น้ำตาของหญิงสาวหลั่งออกมาไม่ขาดสาย หนูน้อยที่แม่อุ้มอยู่ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้แม่ หน้าตาไม่เข้าใจอะไรของเด็ก กับมือน้อยๆ เรียกน้ำตาฉันได้อย่างง่ายดาย

จะมีอีกกี่ครอบครัวที่ไม่โชคดีอย่างครอบครัวนี้ อาจไม่เคยได้ออกมาจากประเทศอันแร้นแค้นนั้นอีกเลย และก็ไม่เคยได้พบหน้าคนที่รักอีกเลย


previous - next