diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

24.01.2003 - 5:49 p.m.

ติดและเลิก

ปกติฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันเป็นคนที่ติดอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดหรอก ฉันอาจจะชอบอะไรบางอย่าง เช่นการอ่านหนังสือหรืออ่านการ์ตูน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าฉันไม่ได้อ่านฉันจะลงแดง จนกระทั่งมาช่วงปีใหม่ ฉันไม่ได้มาโรงเรียนหลายวันมาก นั่นทำให้ฉันพบว่า ที่จริงฉันติดเวบ เนื่องจากฉันทำงานหน้าคอม ทุกวันฉันต้องอ่านเวบ เวบที่ฉันอ่านส่วนมากจะเป็นหนังสือพิมพ์(ไทย)คอลัมน์ต่างๆ และก็ไดอารี่ของบางคนเท่านั้นเอง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ฉัีนอ่านหนังสือพิมพ์เยอะมากกว่าตอนอยู่เมืองไทยเสียอีก ทั้งรายวันรายสัปดาห์ คิดไปคิดมา ฉันติดงอมแงมเลยด้วยซ้ำ ถึงไม่มาโรงเรียน ฉันก็ออนไลน์อ่านที่บ้าน

ทีนี้สืบเนื่องมาจากการที่ฉันไม่มีโอกาศได้ท่องเน็ตเลยในช่วงหยุดปีใหม่ เป็นเวลาพอสมควร ทำให้ฉันหมดความกระตือรือร้น ในการอ่านอะไรๆบนเน็ต ฉันก็เลยเข้าใจใครต่อใครที่พากันเลิกเขียนไดอารี่ได้ พอเราหยุึดความผูกพันกับอะไรไปช่วงนึง การติดมันก็หายไปได้เหมือนกัน

เกาหลีเหนือ

วันก่อนอ่านไดอารี่พี่ปู เลยอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและญี่ปุ่น ที่จริงมันเป็นข่าวมานานแล้วอยากเขียนแล้วก็ขี้เกียจ แต่ว่าได้ฤกษ์เขียนถึงมันซะที เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อหลายปีก่อน(เป็นสิบๆปี) คนญี่ปุ่นอยู่ดีๆก็หายตัวไปทั้งๆที่อยู่ในญี่ปุ่น บางคนหายไปกับคู่หมั้นตอนกำลังเดินเล่นอยู่แถวๆชายหาด บางคนก็หายตัวไปในขณะที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ข่าวกรองภายในของญี่ปุ่นก็ทราบว่า พวกที่หายไปนั้นโดนจับตัวไปโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือ แต่ว่าไม่มีรัฐบาลญี่ปุ่นไหนกล้าไปทวงคนคืน อาจจะคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย

ในจำนวนคนที่หายนั้น ส่วนมากพ่อแม่ก็เรียกร้องกับรัฐบาลตามสมควรให้ตามลูกๆเค้าคืนมา เพราะส่วนใหญ่ที่โดนจับ จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นทั้งนั้น แต่ว่ามีรายนึงคุณพ่อสู้มากๆเพื่อลูกสาวที่โดนจับไป พ่อเค้าจะไปประท้วงบ้าง แจกใบปลิวบ้าง ที่สถานีรถไฟโตเกียวบ้าง ที่ต่างๆ พ่อเค้าสู้มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ก็ไม่มีรัฐบาลไหนสนใจ

จนกระทั่ง โคอิซูมิ(koizumi) นายกคนปัจจุบัน มีนโยบายจัดการกับเรื่องเหล่านี้ โคอิซูมิ เป็นนายกคนแรกที่เดินทางไปเกาหลีเหนือ หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับต่างประเทศสิ้นสุดลง เค้าเดินทางไปเจรจา ว่าจะให้ความร่วมมือ อะไรต่ออะไรกับเกาหลีเหนือ โดยที่ถามความจริงใจของเกาหลีเหนือ ในกรณีคนหาย (ที่น่าขำก็คือ โคอิซูมิ เดินทางไปเจรจาเป็นเวลาสั้้นมาก และเอาข้าวห่อจากญี่ปุ่นไปกินด้วย คงกลัวตายมั๊ง) นายกเกาหลี นายคิม ตอบกลับมาว่า เค้าไม่รู้อะไรด้วยเรื่องลักพาตัว แต่ว่าตายหมดแล้วแหละ

ตอนหลังจากการเจรจา รัฐบาลเกาหลีเหนือก็เลยยอมคายออกมาว่ามีคนรอดอยู่ 5 คน คนที่เหลือตายไปหมดแล้ว แต่พอถามว่าทำไมตาย ก็ตอบว่า หัวใจวายตายบ้างอะไรที่ไม่น่าเชื่ออย่าง อุบัติเหตุทางรถบ้าง (นึกภาพเกาหลีเหนือออกมั๊ย ว่าเป็นประเทศที่คนจนแทบไม่มีอะไรจะกิน ข้าวยังไม่มีกิน ขนาดในเมืองหลวงอย่างกรุงเปียงยาง รถยังวิ่งนับคันได้ นับประสาอะไรจะมีอุบัติเหตุรถยนต์ล่ะ) พอถามถึง กระดูกคนตาย เกาหลีเหนือก็ตอบว่า น้ำท่วมครั้งใหญ่ พัดเอากระดูกหายไปหมดแล้ว

รัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถคาดคั้นอะไรได้อีก ได้แต่ขอความร่วมมือให้ส่งคน 5 คนที่เหลือกลับมาเยี่ยมบ้าน เมื่อไม่กี่เดือนก่อน คน 5 คนก็ถูกส่งกลับมา ทุกคนพยายามแต่งตัวใ้ห้ดูดี แต่มันเชยมากเลย ผมก็เชยมาก แล้วฟันก็ดำปี๋เหมือนที่โน่นไม่มีหมอฟันน่ะ (แล้วทุกคนโดนบังคับให้ติดเข็มกลัดแดงไว้ตลอด) ใน 5 คนนั้น มีคนที่แต่งงานกัน 2 คู่ มีอีกคนนึงเป็นผู้หญิง แต่งงานกับทหารอเมริกัน ที่ลี้ภัยการเมืองจากอเมริกาไปอยู่เกาหลีเหนือ

แน่นอนที่ว่าคนทั้ง 5 ดีใจมากที่ได้กลับบ้านที่คิดว่าจะไม่ได้กลับอีกแล้ว ได้เห็นหน้าพ่อแม่ตัวเองอีกครั้ง (จากไปตั้งแต่อายุ สิบกว่า ยี่สิบ กลับมา สี่สิบกว่า ห้าสิบ) แต่พ่อที่รอคอยลูก ที่เรียกร้องมาตลอดคนนึงล่ะ แกได้ตายไปเมื่อปีที่แล้วเอง ก่อนตาย แกอยู่ในห้องไอซียู มีฝาออกซิเจนครอบปาก แกยังเรียกร้องเป็นคำสุดท้าย ขอให้พาลูกแกคืนมาให้ได้ ตอนที่คนทั้ง 5 ได้กลับมา ฉันว่าแทบทุกคนที่ดูทีวีอยู่ต้องหลั่งน้ำตาเหมือนฉันแหละ

แต่การณ์กลับเป็นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นน่ะ หลอกเกาหลีเหนือ ให้ส่งคนกลับมา แล้วก็ไม่ยอมให้คน 5 คนนี้กลับไป (แน่นอนที่ว่าถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นให้กลับไปก็เสียหน้าแย่ เกาหลีเหนือก็คงว่า เห็นมั๊ย ว่าคนของยู อยากกลับมาเอง แปลว่าเกาหลีเหนือดี)

มันก็น่าจะจบดี แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะว่าคนทั้ง 5 มีครอบครัว คือลูกๆ และมีคนนึงมีทั้งสามีและลูกรออยู่ เกาหลีเหนือ ก็ยืนกรานจะไม่ยอมส่ง ครอบครัวที่เหลือมาให้ญี่ปุ่น ทีวีได้ถ่ายทอดหน้าตาคนทั้ง 5 ที่รอคอยและเป็นห่วงลูกๆ ตอนนั้นเอง คุณปู่ที่เป็นพ่อคนนึง บอกกับ ลูกชายเค้าว่า "แกรอแค่นี้เอง จะเป็นอะไรไป พ่อรอแกมา 20 กว่าปี ยังรอได้เลย จงเชื่อมั่นเถอะ ว่าจะได้เจอกัน"

คนที่น่าสงสารที่สุด ก็คือคนพวกนี้แหละ ต้องกลายเป็นเกมส์การเมือง ตอนที่เค้าอยู่ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือก็พรากเค้าไปจากครอบครัว พอเค้ามีครอบครัวที่โน่นแล้ว ญี่ปุ่นก็พรากเค้ากลับมาอีก

วันหลังจะเขียนเรื่องเกาหลีเหนือต่อ มันเป็นประเทศที่ไม่น่าเชื่อเลยว่ายังมีแบบนี้ในโลกอีก วันนี้เขียนยาวมากแล้ว

ต่อ พวกนี้โดนจับไปให้สอนภาษาญี่ปุ่นบ้าง โดนใช้งานให้เป็นสปายบ้างน่ะ

previous - next