diaryland archives guestbook

Links Hinghoi Moo+ Nitchawan P'Puk Peerada Evil

31.10.2002 - 2:53 p.m.

วันเกิด

กลางเดือนที่ผ่านมาเป็นวันเกิดมาสะ วันก่อนวันเกิดเค้าวันนึง ฉันยุ่งเสียจนไม่อยากจะทำอะไรเลย แต่ว่าก็มาคิดดูว่า ยุ่งก็ส่วนยุ่งสิ "ฉันไม่มีสิทธิทำลายความสุขของคนอื่น"(คำๆนี้มันวนเวียนอยู่ในหัว) ฉันก็เลยคิดว่าจะไปซื้อของขวัญดีกว่า (ตอนแรกกะว่าจะติดไว้ก่อน) คิดไปคิดมาว่าจะซื้ออะไรดีหว่า ซื้อของให้ผู้ชายนี่ยากมาก แต่ว่าพวกผู้ชายนี่ชอบเครื่องไฟฟ้า ฉันก็เลยคิดว่าซื้อที่โกนหนวดไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ล้างน้ำได้ให้เค้าดีกว่า เห็นพี่แกเคยบ่นว่าอยากได้ พอไปเดินซื้อ แล้วก็ห่อของขวัญสวยมาก ฉันก็รู้สึกสนุกกับการมีงานวันเกิด อยากให้ขึ้นมาเลยล่ะ

วันเกิดของมาสะครั้งแรกเมื่อเจ็ดปีก่อน เค้าอยู่หอพักนักศึกษาเดียวกับฉัน เค้าอยู่ชั้นล่าง ส่วนฉันอยู่ชั้นบน เรามักจะกินข้าวเย็นด้วยกันในครัวชั้นล่างกับเพื่อนซี้ชาวโคลัมเบียอีกคนของฉันด้วย ตอนนั้นฉันทำกับข้าวไม่เป็นเลย แต่ด้วยความที่ฉันให้ความสำคัญกับวันเกิด ก็อุตส่าห์มีไอเดียจะทำขนมปังหน้าหมูไว้เซอร์ไพรส์(เห็นเพื่อนคนไทยทำ) พอดีที่ฉันน้ำมันหมด ฉันก็เลยไปแอบหยิบมาจากตู้ของมาสะ ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันก็เทไอ้ที่คิดว่าเป็นน้ำมันลงไปซะเต็มกะทะ ยิ่งร้อนมันยิ่งเหนี่ยวหนืด ฉันก็ไม่ได้เอะใจ ใส่ขนมปังหน้าหมูลงไปกะทอด แต่ว่าที่แท้มันไม่ใช่น้ำมัน มันคือ มิริน (เหล้าหวานของญี่ปุ่น) ที่มาสะอุตส่าห์ซื้อมาแพงมาก(เวรเลยตู) ใช้ของเค้าซะหมดขวด ขนมปังก็เสียไปหมด ต้องทำใหม่ ;_; แต่ก็พยายามทำจนเสร็จ หลังจากนั้น ฉันแอบเรียกมาสะมาเป่าเทียน พร้อมกับกินขนมปังหน้าหมูตอนเที่ยงคืนของวันเกิด มาสะหน้าตาง่วงๆ เหวอๆ กินขนมเค็กหวานเจี๊ยบ

หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็วันเกิดฉัน เรากับเพื่อนๆนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ ไม่มีใครสนใจวันเกิดฉันเท่าไหร่ ;_; มีแต่น้ำที่ให้การ์ดฉัน ในที่สุดเกือบหมดวัน มาสะก็เอาการ์ดวันเกิดมาให้ เป็นการ์ดที่เค้าซื้อมากับนาโอะ เขียนอวยพรด้วยกัน โดยใช้ปากกาที่ยืมฉันไปเขียนมาให้ ตอนนั้นเศร้าจริงๆ

ปีนี้นัดกับมาสะไว้ว่าจะไปกินอาหารฝรั่งเศสกัน อาหารก็อร่อยดี ระหว่างกินข้าวกันอยู่อย่างอร่อย ก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือฉัน ฉันก็ดันคุยนานไป เพราะว่ามันตัดบทไม่ได้ พอวางหูมาสะก็เลยหน้าบึ้ง แล้วก็สอนมารยาทการใช้โทรศัพท์ ฉันก็โอเคๆ ขอโทษ ไปแล้วครั้งหนึ่ง แกยังพยายามพูดต่อ ว่าสถานที่บางสถานที่มันก็สมควรที่จะปิดโทรศัพท์นะ (ยังต่อ) ฉันก็เริ่มฉุน พูดยิ้มๆไปว่า บางทีคนเราก็ไม่ชอบที่จะโดนต่อว่ามากนักหรอก ตอนนั้นฉันโกรธมากเลยนะ คิดว่าเค้าก็คงไม่ชอบถ้าฉันว่าเค้าซ้ำๆ ทำไมเค้าไม่จบนะ ฉันกะจะระเบิดปังออกไปเหมือนกัน แต่ว่าคิดว่าเหนื่อย เดี่ยวก็จะโกรธกัน เดี๋ยวก็ต้องทะเลาะ หาสาเหตุ ใครถูกใครผิด เดี๋ยวก็ต้องมีคนขอโทษ(ซึ่งไม่ใช่ฉันแน่นอน) แล้วก็ต้องมีคนยกโทษ เป็นวงจร และยังทำลายอะไรดีๆไปหมด ก็เลยเก็บอารมณ์ (แต่ว่าหน้าบึ้ง) บึ้งไปซักพัก ของหวานก็มาเสิร์ฟ พวกเราหายโกรธกันเป็นปลิดทิ้ง แบบว่าของหวานดูน่ากินมาก เลยแย่งกันกินใหญ่ สิ่งที่ฉันดีใจมากก็คือ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเก็บอารมณ์ได้

เวบใหม่

เวบใหม่ ที่ฉันชอบอ่านมากในตอนนี้ก็คือไดอารี่เล่มหนึ่งที่ bkkonline คนเขียนเค้าจะเขียนสองภาษา เป็นภาษาอังกฤษกับภาษาไทย ฉันอ่านเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้วชอบมาก ที่ชอบคือสำนวนการเขียน เค้าเขียนได้มีเสน่ห์มาก เหมือนอ่านหนังสือแปล (เค้าอาจจะเขียนภาษาอังกฤษก่อน แล้วแปลมา) มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่อ่านแล้วสนุกมาก ยิ่งอ่านตั้งแต่วันแรกยิ่งสนุก เหมือนอ่านนิยาย ฉันชอบแนวการเขียน ฉันชื่นชมทุกคนที่เขียนไดอารี่แล้วเล่าเรื่องอย่างเปลือยหัวใจมาก เพราะว่าฉันคนนึงล่ะที่ทำไม่ได้

แต่ฉันก็เถียงกับมาสะเรื่องนี้เหมือนกัน ฉันเล่าเรื่องไดอารี่เล่มนี้ให้มาสะฟัง เค้าก็ถามฉันว่าเธอเชื่อเหรอว่ามันเป็นเรื่องจริง? อืม! ฉันตอบว่าฉันเชื่อนะ ฉันไม่เห็นว่าเค้าจะหลอกไปทำไมนี่ อย่างฉันหรือเพื่อนๆฉันก็เขียนเรื่องจริงกันทั้งนั้นนี่ มาสะบอกว่า เค้าเป็นนักอักษรศาสตร์ เค้าอาจจะไม่ได้โกหก แต่ว่าเค้ามีจินตนาการไง มันอาจจะเป็นจินตนาการของเค้าก็ได้ อืม! ที่มาสะพูดก็ถูก แต่ฉันก็ยังชอบเรื่องของคนนี้อยู่ดี

อากาศหนาว

ตอนนี้อากาศเย็นมาก 14 องศาได้มั๊ง เรียกว่าแทบจะไม่มีฤดูใบไม้ร่วงเลย ฤดูร้อนแล้วก็มีฤดูหนาวไปเลย ที่โดนแช่งไว้ก็เลยไม่สำเร็จ ฉันก็ได้ใส่เสื้อใหม่สมใจ ฮิฮิ

ก่อนส่งงาน

วันที่25 เป็นเดทไลน์ของงานสองชิ้น ช่วงก่อนหน้านั้นฉันก็เลยทำงานหามรุ่งหามค่ำ(ตามประสา ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา) มาเร่งเอาตอนใกล้ ช่วงนั้นก็ไม่นอนทีละสองคืน ผลคือ งงๆโง่ๆมาก เบลอๆไปหมด (แต่ถ้านอนมากก็ทำไม่ทัน) มีอยู่วัน ทำงานหนักจนปวดบ่า(ใช้คอมมาก) ก็เลยไปเต้นอควอบิกส์(กะว่าจะได้คลายกล้ามเนื้อ) มันก็เหมือนการเต้นอย่างอื่นที่ต้องมีสมาธิ ครูสอนทำให้ดูที แล้วก็ต้องจำ ทีนี้ฉันเบลอไง ก็จำไม่ได้สิ เค้าหันขวา มีดิฉันคนเดียวที่หันซ้าย เรียกว่าทำสับกับเค้าไปหลายทีมาก เด็ดกว่านั้นอีกคือ ครูให้ตะโกนสเต็ป สาวๆเสียงเบากันมาก ฉันก็กลัวครูจะเสียใจ เลยตะโกนดังลั่นเลยค่ะ (1)อิจิ (2)นี่2 (3)ซัง (4)ชี่ (5)โก๊ะ มารู้ตัวอีกที มีฉันร้องโก๊ะ(5)อยู่คนเดียวน่ะ คือมันสเตปแค่สี่น่ะ ตอนที่ฉันร้องโก๊ะ(5) คนอื่นเค้าร้องอิจิ(1)กัน เค้าหันมามองกันทั้งสระ โก๊ะจริงๆด้วย ฮือ

ข้อดีของการนอนน้อยก็คือผอม มาสะไม่เห็นหน้าฉันมาหลายวัน พอมาเห็นอีกที ฉันก็บอกว่าเป็นไงๆ แก้มฉันยุบลงไปใช่ปะ มาสะก็เออออ บอกว่า อืม ช่วงคางเธอดูสดชื่นขึ้นนะ โดยเฉพาะช่วงแก้ม (ฉันงี้ขำกลิ้ง แกคงกลัวโดนด่าถ้าพูดตรงๆว่าหน้าฉันผอมลง)

ตอนนี้ว่างขึ้น

ตอนนี้มีเวลาว่างนิดนึง เพราะว่าส่งความก้าวหน้าของวิทยานิพนธ์อาจารย์ไปเมื่อวานนี้ เลยมาอ่านแฮรี่พอตเตอร์เล่มสี่ที่ยังอ่านค้างอยู่ ไม่รู้เป็นอะไรอยากอ่านขึ้นมา ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบซักเท่าไหร่ อ่านไปได้นิดแล้วก็ค้างไว้อย่างนั้นตั้งแต่มันออกใหม่ๆ จนลืมไปแล้ว พอมาอ่านใหม่เมื่อวาน ต้องเริ่มอ่านใหม่หมดอีกที มีอีกอย่างที่รู้สึกมากเลยตอนนี้คือรู้สึกคิดถึงเมืองไทยจัง แปลกดี อยากกินอาหารไทยมาก อยากทำโน่นทำนี่ที่เมืองไทย

มีอะไรจะเขียนต่ออีกหว่า เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็คือ นิชิคู่อริฉัน วันนี้มันใส่เสื้อใหม่ แลดูเหมือนประธานเหมามากเลย (แต่เป็นประธานเหมารุ่นผอมสูงหน้าญี่ปุ่นๆ) ขำว่ะ

previous - next